What's happening?

Video Sources 4989 Views Report Error

  • Thor: Love and Thunder (2022) ธอร์ : ด้วยรักและอัสนี
Thor: Love and Thunder (2022) ธอร์ : ด้วยรักและอัสนี

Thor: Love and Thunder (2022) ธอร์ : ด้วยรักและอัสนี

USAnull Min.PG-13
Your rating: 0
5.5 2 votes

Synopsis

Thor: Love and Thunder ธอร์: ด้วยรักและอัสนี

ดูหนังบู๊ ลำดับที่ 29 ของจักรวาลหนังมาร์เวล กับการกลับมาอีกครั้งของเทพเจ้าสายฟ้าที่เรารักใน “Thor: Love and Thunder” การกลับมาสู่หนังเดี่ยวของตัวเองอีกครั้ง หนังฟรี ที่นับว่าเป็นภาคที่ 4 ที่ก็แอบประหลาดใจไม่น้อยที่ยังมีโอกาสได้สานต่อและเฉิดฉายเป็นของตัวเองได้อยู่ ดูหนังออนไลน์  กับทีมงานและนักแสดงที่คุ้นเคย นี่คือจึงเป็นเหมือนการชมมหรสพฟอร์มใหญ่ที่โบ๊ะบ๊ะจัดเต็ม…ตั้งแต่นาทีแรก ดูหนังฟรี

หนังภาคที่ 4 ของธอร์

ซูเปอร์ฮีโรตัวแรกของมาร์เวล สตูดิโอเลยก็ว่าได้สำหรับ ธอร์ (Thor) ที่ได้มีหนังเรื่องที่ 4 เป็นของตัวเองในชื่อ ‘Thor Love and Thunder’ โดยได้ ไทกา ไวทิทิ (Taika Waititi) ผู้กำกับชาวนิวซีแลนด์ที่เคยกุมบังเหียน ‘Thor Ragnarok’  หนังภาคที่ 3 ของธอร์มาก่อนหน้านี้ โดยจากตัวอย่างหนังเราก็พอจะคาดหวังได้แล้วว่าสิ่งที่จะได้เห็นแน่ ๆ คือการกลับมาของตัวละคร ดร.เจน ฟอสเตอร์ ของนาตาลี พอร์ตแมน (Natalie Portman) ในคราบของฮีโรธอร์คนใหม่และการร่วมทางไปทั่วกาแล็กซีไปกับเหล่า ‘Guardian of the Galaxy’

กอร์ คุณพ่อที่ต้องสูญเสียลูกสาวไปกับความแร้นแค้น และเทพที่เขาศรัทธาก็หันหลังให้กับเขาจนกระทั่งกอร์ได้สังหารเทพองค์แรกด้วยเนโครซอร์ด กอร์ก็ให้คำมั่นสัญญาว่าจะตามล้างบางเหล่าทวยเทพทั้งปวง ซึ่งภารกิจหลักของกอร์คือการบุกแอสการ์ด ทำให้ ธอร์ วัลคีรี และเจน ฟอสเตอร์ในมาดของไมตี้ ธอร์ ต้องหยุดกอร์ให้ได้ก่อนมันเดินทางไปสู่อีเทอร์นิตี้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งจักรวาลและทำความปรารถนาสุดอำมหิตของมันให้สำเร็จ

Thor: Love and Thunder ธอร์: ด้วยรักและอัสนี

ภารกิจในการค้นหาความสงบสุขภาย

Thor: Love and Thunder เล่าเรื่องราวภารกิจในการค้นหาความสงบสุขภายในของ ธอร์ แต่การเกษียณของเขาถูกรบกวนโดยนักฆ่าข้ามจักรวาลนามว่า กอร์ นักเชือดเทพเจ้า ผู้แสวงหาการสูญพันธ์ของเทพเจ้าทั้งมวล เพื่อต่อสู้กับภัยคุกคามนี้ ธอร์ควานหาความช่วยเหลือจาก ราชาวัลคีรี่, คอร์ก และแฟนเก่าของเขา เจน ฟอสเตอร์ ผู้ที่ทำให้ธอร์ตกใจตาค้าง เมื่อเธอกำลังถือครองค้อนโยเนียร์ของเขา ในฐานะของ เดอะ ไมตี้ ธอร์

แฟรนไชส์หนัง Thor ถือว่าเป็นหนังชุดที่ไม่ได้รู้ลึกคลุกคลีและพิศมัยอะไรมากสักเท่าไหร่ หนังทั้ง 3 ภาคที่ผ่านมานั้นก็ให้ความรู้สึกเฉย ๆ เป็นส่วนใหญ่ แต่ก็แอบรู้สึกประหลาดใจอยู่ไม่น้อยที่มาร์เวลตัดสินใจสร้างหนังภาคใหม่ให้กับเรื่องนี้ ในขณะที่เพื่อน ๆ ฮีโร่รุ่นเดียวกันนั้นแทบจะไม่ค่อยมีโอกาสได้สานต่อมีหนังเป็นของตัวเองแล้ว

Thor: Love and Thunder ธอร์: ด้วยรักและอัสนี

Thor: Love and Thunder ธอร์: ด้วยรักและอัสนี

คงต้องบอกว่า  Thor: Love and Thunder ยังคงเป็นหนังที่ค่อนข้างรู้สึกทิศทางของตัวเองดีอยู่ในระดับหนึ่ง เมื่อมาได้ทีมสร้างและทีมนักแสดงที่คุ้นเคยกับหนังชุดนี้ดีอยู่แล้ว จึงทำให้การทำงานและการถ่ายทอดในหนังออกมาค่อยข้างไหลลื่นเป็นอย่างดีตลอดเกือบ 2 ชั่วโมงของหนัง แต่ก็ต้องยอมรับว่าหนังภาคนี้ก็ยังคงดำเนินไปตามแบบฉบับและสูตรสำเร็จเดิมที่ไม่ค่อยมีอะไรแปลกใหม่เท่าไหร่นัก

“ไทกา ไวทีที”​ สามารถใส่ลูกเล่นและความเป็นตัวเขาเองเข้าไว้ได้อย่างสร้างสรรค์ ด้วยพรสรรค์ในการสร้างจังหวะโบ๊ะบ๊ะของเขา ถูกนำมาใช้ในหนังเรื่องนี้ได้อย่างเหมาะเจาะ จึงทำให้อรรถรสของหนังเรื่องนี้ยังค่อนข้างกลมกล่อมดี เมื่อมาผนวกเข้ากับการอิมโพรไวซ์อย่างมืออาชีพของทีมนักแสดงชุดนี้ด้วยแล้ว ยิ่งทำให้หนังประคับประคองความบันเทิงได้ดีไปตลอดทาง

Thor: Love and Thunder ธอร์: ด้วยรักและอัสนี

อาจจะไม่ใช่ของใหม่สำหรับการมากุมบังเหียนของ ไทกา ไวทิทิ อีกครั้งสำหรับหนัง ธอร์ แต่สำหรับ หนังใหม่ ‘Thor Love and Thunder’ ไวทิทิดูจะมั่นใจมากขึ้นสำหรับการใส่มุกโบ๊ะบ๊ะต่าง ๆ เข้าไปในเหตุการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานต่าง ๆ ที่สำคัญเขายังสามารถคุมโทนอารมณ์ขันของหนังให้อบอวลไปพร้อม ๆ กับอารมณ์โรแมนติกที่คละคลุ้งและเป็นธีมหลักในการเล่าเรื่องของหนังได้อย่างกลมกล่อม แม้จะต้องติงไว้นิดนึงว่าตัวหนังเองก็มีมุกคาบลูกคาบดอกเกี่ยวกับ ‘เซ็กส์หมู่’ และ ‘เซ็กส์ระหว่างเพศเดียวกัน’ แอบ ๆ ซ่อน ๆ อยู่ในหนังจนบางทีก็ไม่ค่อยเหมาะกับการให้เด็กเล็กดูสักเท่าไหร่ก็ตาม

แต่ก็ต้องยอมรับเลยว่า  Thor: Love and Thunder อาจจะยังไม่ถึงกับเป็นหนังที่น่าประทับใจที่สุดของจักรวาลมาร์เวล ตัวหนังอาจจะสนุกและสร้างความบันเทิงได้ดี แต่ในด้านเนื้อหาอะไรต่าง ๆ ยังค่อนข้างขาดความอิมแพ็คที่อาจจะถูกคาดหวังไปสักหน่อย แต่กระนั้นก็ชื่นชมที่หนังกลับมีความเป็นเอกเขนกในตัวเองค่อนข้างเด่นชัดยิ่งขึ้น โดยที่ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาการเชื่อมโยงเข้ากับจักรวาลใหญ่ในภาพรวม

แม้ว่าบทหนังจะยังไม่ทำให้เราซื้อสักเท่าไหร่ แต่ทีมนักแสดงของ  Thor: Love and Thunder กลับมีส่วนช่วยพยุงหนังทั้งเรื่องเอาไว้ได้อย่างเพลิดเพลิน “คริส เฮมสเวิร์ธ” ที่กลับมารับบทเดิมที่คุ้นเคยของเขา ที่เราเลิกนับไปแล้วว่าเขาปรากฏตัวเป็นธอร์ในหนังเรื่องที่เท่าไหร่ แต่เขาก็กลายเป็นธอร์โดยธรรมชาติไปเรียบร้อยแล้ว นี่คือธอร์ในรูปแบบของเขาเอง การถ่ายทอดคาแรกเตอร์ในรูปแบบตัวเองยังเป็นเสน่ห์ที่ส่งผลดีต่อหนังอยู่

และในภาคนี้เรายังได้อ้าแขนต้อนรับการกลับมาของ “นาตาลี พอร์ตแมน” ที่บอกตรง ๆ เราก็ไม่คิดเหมือนกันว่าเธอจะยอมกลับมาเล่นหนังฮีโร่เรื่องนี้อีกครั้ง แต่เมื่อพล็อตส่งเสริมและสตอรี่จังหวะลงตัวได้ การกลับมาของเธอในครั้งนี้ก็ถือว่าเป็นองค์ประกอบเสริมและเติมเต็มให้กับหนังเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี และเสริมเข้ามาเติมเลือดเนื้อและจิตใจให้กับตัวละครอื่นได้อย่างดีด้วย

ตัวละครที่หลากหลาย

Thor: Love and Thunder ยังเต็มไปด้วยตัวละครที่หลากหลายและใส่เอาไว้ด้วยนักแสดงรับเชิญที่พร้อมจะมีขโมยซีนไว้เพียบ แต่คงจะไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือ “คริสเตียน เบล” ที่ถือว่าเป็นอีกหนึ่งคาแรกเตอร์ที่มัดใจและเสริมพลังให้กับภาคนี้ได้ดีเช่นเดียวกัน แม้จะเป็นวายร้ายตัวใหม่ แต่การแสดงของเขาเต็มไปด้วยมิติที่น่าค้นหา ประหนึ่งต้องมาเล่นหนังดราม่าเข้มข้นเลยทีเดียว

ถึงจะแอบเสียดายนิดหน่อย ที่ในท้ายที่สุดตัวละครอย่าง กอร์ ในเรื่องนี้ ไม่ค่อยมีโอกาสได้โชว์ศักยภาพและเนื้อแท้ของตัวละครตัวนี้ออกมาได้เด่นชัดนัก เพราะเชื่อว่าการแสดงของ คริสเตียน เบล สามารถจะบียอนด์ตัวละครนี้ไปได้ไกลกว่านี้ แต่เพราะนี่คือหนังฮีโร่ในแกนหลัก อาจจะไม่ได้มีพื้นที่มากมายนักสำหรับจุดนั้น และนั่นก็ทำให้ 3 คาแรกเตอร์หลักที่กล่าวมานั้น ก็ถือว่าเป็นจุดเด่นจุดดีที่สุดของเรื่องนี้ไปโดยปริยาย

ต้องยอมรับว่านอกจากรูปลักษณ์และชื่อเสียงของซูเปอร์ฮีโรที่มาจากคอมิกของธอร์แล้ว การสวมบทบาทของ คริส เฮมส์เวิร์ธ (Chris Hemsworth) ก็เป็นหลักฐานชั้นดีว่าบางคาแรกเตอร์มันก็เลือกนักแสดง ซึ่งนับจากปี 2011 ที่เราได้เห็นพี่เฮมส์เวิร์ธเป็นขุนค้อน ผู้ชมก็ไม่อาจสลัดภาพของเขาออกจากตัวของธอร์ได้ แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องยอมรับล่ะนะครับว่าเสน่ห์เฉพาะตัวของเขาที่สร้างให้กับธอร์เองก็ดันทำให้ผู้ชมชินกับภาพเดิม ๆ จนเราอาจไม่ค่อยเซอร์ไพร์สเท่าไหร่แล้วกับการปรากฎตัวของเขา เอาเป็นว่าเฮมส์เวิร์ธก็ยังเป็นธอร์ที่เรารักได้เหมือนเดิมแหละครับ แถมแฟนเซอร์วิสด้วยฉากโชว์ก้นที่สาว ๆ รอคอยแต่ยังเทียบกับอีก 2 คนที่เราจะพูดถึงไม่ได้

และสำหรับคนแรกที่เราจะพูดถึงก็คือ คริสเตียน เบล (Christian Bale) นักแสดงอังกฤษเจ้าบทบาทที่เคยสวมชุดมนุษย์ค้างคาวมาแล้วในไตรภาค ‘The Dark Knight’ ของค่ายดีซี แต่พอข้ามฝั่งมามาร์เวล เบล ถูกทาตัวขาวใบหน้ามีแผลเป็นเหมือนอสุรกายร่างย่อม ๆ ที่ทรงพลัง แต่เมกอัปและความเป็นแฟนตาซีไม่อาจบดบังฝีมือการแสดงอันเอกอุได้ ไม่แปลกใจเลยที่ไวทิทิ ผู้กำกับเลือกให้เวลาตอนเปิดเรื่องเล่าที่มาความเจ็บปวดของวิลเลียนตัวล่าสุดอย่างกอร์ เพราะเบลสามารถถ่ายทอดความคับแค้นใจ และบาดแผลที่ลูกรักถูกพรากไปได้อย่างหมดจดและทรงพลัง

อีกคนที่อาจไม่ใช่หน้าใหม่แต่เป็นความน่ายินดีกับการกลับมาก็หนีไม่พ้น นาตาลี พอร์ตแมน ที่กลับมารับบท ดร. เจน ฟอสเตอร์ ซึ่งจากตัวอย่างหนังเราคงเห็นกันไปแล้วว่าเธอมาในมาดสุดเท่ แต่ในหนังจริง ที่มาที่ไปของพลังที่ทำให้เธอได้ครองค้อนโยเนียร์ก็ทำให้บทฟอสเตอร์ของเธอคราวนี้เป็นการกลับมาที่ไม่ใช่แค่กิมมิกของเรื่องราว แต่มันยังส่งผลต่อคาแรกเตอร์หลักอย่างธอร์ และที่สำคัญคือมันเติมอารมณ์โรแมนติกให้กับเรื่องราวของหนังได้เป็นอย่างดี

นอกจากนี้หนังยังได้ รัสเซล โครว์ (Russell Crowe) มารับบทซุส ที่ทำคนดูฮาจนหัวไหล่ทรุดไม่น้อย นับว่าเป็นดาราเบอร์ใหญ่ที่ยอมมาเล่นบทติงต๊องได้บันเทิงมาก ๆ

Thor: Love and Thunder ธอร์: ด้วยรักและอัสนี

Thor: Love and Thunder ก็แอบมีความเป็นลิเกโรงใหญ่อยู่เหมือนกันนะ เพราะต้องไปหยิบจับเล่นประเด็นเกี่ยวกับเทพเจ้า เมืองเทพ เมืองฝัน อะไรต่าง ๆ ความเวอวังอลังการในฉากและองค์ประกอบต่าง ๆ ก็มา แต่มันก็ยังเป็นลิเกที่ดูได้เพลินและสนุกได้ดี ตอบสนองและแฟนเซอร์วิสได้อย่างลงตัวในระดับที่น่าพอใจ และทำให้เห็นถึงเหตุผลที่ว่า ทำไม ธอร์ จึงสมควรยังมีหนังเดี่ยวของตัวเองอีกในเรื่องนี้นั่นเอง

ก็ถือว่าเป็นหนังที่บันเทิงดีในระดับที่น่าจะน่าพอใจต่อแฟน ๆ มาร์เวลนั่นแหละ มันอาจจะยังไม่ได้สมบูรณ์แบบหรือมีอะไรที่น่าจดจำมากสักเท่าไหร่ แต่ก็ถือว่าเป็นการขยายความเรื่องราวชีวิตของเทพเจ้าสายฟ้า หลังจากผ่านเหตุการณ์ต่าง ๆ  แม้เหมือนจะว่ายเวียนวนอยู่อ่างหน่อยก็ตาม แต่ต้องยอมรับเลยว่า หนังยังคงทำออกมาได้สนุกดี และใส่ความเป็นตัวเองเข้าไปได้อย่างแจ่มชัด อีกทั้งเติมแต้มความเป็นมนุษย์ให้กับตัวละครยิ่งขึ้น นั่นคือเสน่ห์หลัก ๆ ของหนังเรื่องนี้

สิ่งที่เป็นกำไรสูงสุดแล้วจากการ Thor Love and Thunder’ ก็คืองานสร้างและเหล่าสเปเชียล เอฟเฟกต์ต่าง ๆ นี่แหละครับ เพราะส่วนหนึ่งเรื่องราวจะเกี่ยวพันกับเหล่าเทพ เกี่ยวพันกับเรื่องการท่องอวกาศต่าง ๆ เลยทำให้หนังภาคนี้สเปเชียลเอฟเฟกต์ต่าง ๆ เลยเหมือนกระดูกสันหลังไปโดยปริยาย และหนังก็ทำได้ดีมาก ๆ ไม่หลุดไม่ลอยคุ้มค่ากับเงินค่าตั๋วผู้ชมแน่นอน

Original title Thor: Love and Thunder (2022) ธอร์ : ด้วยรักและอัสนี
IMDb Rating 6.714 254 votes
TMDb Rating 100 379 votes

Director

Director

Cast

Similar titles

The Sword (1980) กระบี่ผ่ากระบี่
Wag the Dog (1997) สองโกหกผู้เกรียงไกร
THE WARLORDS อหังการ์ เจ้าสุริยา
Silent Hill (2006) เมืองห่าผี
Tangled ราพันเซล เจ้าหญิงผมยาวกับโจรซ่าจอมแสบ
Iron man 3 มหาประลัยคนเกราะเหล็ก 3
Bastard Swordsman กระบี่ไร้เทียมทาน
[NETFLIX] We Can Be Heroes (2020) รวมพลังเด็กพันธุ์แกร่ง
Mission Impossible 1 ผ่าปฏิบัติการสะท้านโลก ภาค 1 (1996)
MY SEXDOLL (2020) พร้อมรุก ยัยตุ๊กตาซ้อมรัก
ขุนกระบี่ ผีระบาด
Colossal คอลอสซาน ทั้งจักรวาลเป็นของเธอ

Leave a comment