What's happening?

Video Sources 2398 Views Report Error

  • The Black Phone (2022) สายหลอน ซ่อนวิญญาณ
The Black Phone (2022) สายหลอน ซ่อนวิญญาณ

The Black Phone (2022) สายหลอน ซ่อนวิญญาณ

USAnull Min.PG-13
Your rating: 0
6 1 vote

Synopsis

The Black Phone สายหลอน ซ่อนวิญญาณ

เขย่าขวัญเรื่องล่าสุดจากฮอลลิวูดที่ได้ยินว่าได้รับเสียงวิจารณ์ที่ค่อนข้างงดงามน่าพอใจพอดูทีเดียว หนังฟรี นี่คือ “The Black Phone สายหลอน ซ่อนวิญญาณ” ดูหนังสยองขวัญ ที่มาพร้อมกับความก้ำกึ่งระหว่างหนังผีกับหนังเขย่าขวัญ กับการเซ็ตฉากออกมาดูวินเทจที่น่าสนใจไม่เบา กับปริศนาเสียงปลายสายจากโทรศัพท์สีดำเครื่องเก่า ๆ มันจะชวนหลอนสะพรึงกันสักแค่ไหนเชียวนะ

The Black Phone สายหลอน ซ่อนวิญญาณ

เรื่องราวของ ดูหนังฟรี ฟินนีย์ ชอว์ เด็กชายขี้อายแต่ชาญฉลาด วัย 13 ขวบ ที่ถูกไอ้มืดฉุดลักพาตัวไปขังอยู่ในห้องใต้ดินเก็บเสียง ที่ซึ่งการกรีดร้องไม่ก่อเกิดประโยชน์ ในตอนที่โทรศัพท์ไร้สัญญาณที่ติดอยู่ตรงผนังเริ่มส่งเสียงดังขึ้นมา ฟินนีย์ก็ค้นพบว่าเขาสามารถได้ยินเสียงของเหยื่อคนก่อน ๆ ดูหนังออนไลน์ ของมัน และเหยื่อเหล่านั้นก็ตั้งปณิธานเอาไว้ว่าจะทำให้แน่ใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับพวกเขาจะต้องไม่เกิดขึ้นกับฟินนีย์

ด.ช. ‘ฟินนีย์ ชอว์’ (Mason Thames) เด็กชายขี้อายแต่มีแววอัจฉริยะวัย 13 ปี ที่ถูกฆาตกรต่อเนื่องโรคจิตภายใต้หน้ากากที่มีนามว่า ‘เดอะ แกร็บเบอร์’ (Ethan Hawke) ลักพาตัวไปขังไว้ในห้องใต้ดินที่แสนจะอับทึบและเงียบงันจนแทบจะไม่มีใครได้ยินเสียงขอความช่วยเหลือ แต่ในห้องนั้นกลับมีบางสิ่งบางอย่างอยู่ นั่นก็คือโทรศัพท์โบราณสีดำเครื่องหนึ่งที่แขวนอยู่บนผนังในห้องนั้น

The Black Phone สายหลอน ซ่อนวิญญาณ

ทันใดนั้น เหตุการณ์เหนือธรรมชาติก็เกิดขึ้น เมื่อน้องกลับได้ยินเสียงโทรศัพท์ดัง ทั้ง ๆ ที่ตัวมันเองไร้ซึ่งสัญญาณ เมื่อฟินนีย์รับสาย ปรากฏว่าโทรศัพท์เครื่องนี้ แท้ที่จริงแล้วเป็นโทรศัพท์ผีสิง ปลายสายคือเสียงจากวิญญาณของเหยื่อคนก่อน ๆ ของเดอะ แกร็บเบอร์ ที่พยายามส่งเสียงมาถึงฟินนีย์ เพื่อช่วยเหลือไม่ให้น้องเกิดเหตุซ้ำรอยเหมือนกับเหยื่อคนก่อน ๆ

ระทึกขวัญ

และนี่คืองานกำกับและเขียนบทของ “สก็อต เดอร์ริกสัน” ชิ้นงานที่เขาตัดสินใจเลือกที่จะสร้างแทนที่จะไปกำกับภาคต่อของหมอแปลกให้มาร์เวล โดยหนังเรื่องนี้หยิบเอาโครงเรื่องมาจากเรื่องสั้นของ “โจ ฮิลล์” มาขยายความเป็นหนังเขย่าขวัญสุดระทึก ภายใต้ฉากหลังที่เป็นสังคในช่วงยุคปี 1970s ที่มาพร้อมกับบรรยากาศที่ชวนง่วงและชวนหลอนสะพรึงไปพร้อม ๆ กัน แม้ว่าองค์ประกอบหลานอย่างในหนังเรื่องนี้จะซ้ำซากเหลือเกิน แต่กลับมีกิมมิกที่ทำให้ดูจบแล้วสนุกได้

The Black Phone สายหลอน ซ่อนวิญญาณ

การเล่าเรื่องของ The Black Phone อาจจะมีทั้งจุดที่ดีและจุดที่ไม่ดีปะปนกันไปตลอดทาง เพราะในแกนของความเป็นหนังเขย่าขวัญ หนังก็สามารถสร้างบรรยากาศและแรงกดดันผ่านตัวละครมายังคนดูได้เป็นอย่างดี แต่ก็กลับยังลืมเล่าอีกหลาย ๆ ส่วนที่น่าจะเติมเต็มได้มากกว่านี้อีกหน่อย ส่วนในแกนสังคมและครอบครัวที่เหมือนจะปูทางมาค่อนข้างพอใช้ได้ทีเดียว แต่ก็กลายเป็นว่าหนังยังพาคนดูไปถึงประเด็นต่าง ๆ ได้ไม่สุดเลยสักทางอยู่ดี เหมือนถูกทิ้งเอาไว้กลางทางหลายครั้ง

สนุก ตื่นเต้น

แต่กระนั้นแล้ว โทนและจังหวะของThe Black Phone ก็ไม่ได้เสียรูปแบบ เพราะหนังยังค่อนข้างเล่าเรื่องได้สนุก บนพื้นฐานของสูตรสำเร็จแบบที่เคยเห็นมาก่อน ช่วงแรก ๆ ที่เป็นการปูเรื่องอาจจะค่อนข้างยืดไปสักนิดกับความจำเจที่ชวนหลับเลยทีเดียว แต่พอหนังจับทางได้และเข้าสู่ประเด็นที่เป็นแก่นแท้ของเรื่องได้แล้ว ก็ถือว่าไหลลื่นและไปได้คล่องตลอดทาง ไปจนถึงไคลแม็กซ์ตอนจบของหนังที่ผู้ชมจะต้องตบเข่าฉาดให้กับสะใจ

ถึงแม้ว่า The Black Phone จะใส่รายละเอียดและอธิบายเดียวกับคาแรกเตอร์ตัวละครต่าง ๆ มาได้แค่เพียงลักษณะผิวเผิน ไม่ว่าจะเป็นตัวละครนำ อย่าง ฟินนีย์ หรือ ไอ้มือฉุด ที่เป็นวายร้ายของหนังเรื่องนี้ ทุกตัวละครไม่ได้รับการเอาใจใส่ในการทำให้ผู้ชมรู้สึกกระจ่างมากนัก คนดูแทบจะไม่รู้จักและคุ้นเคยกับพวกเขาเหล่านี้เลยสักคนเดียว แต่ถ้ามองไปอีกมุมหนึ่ง เหมือนผู้สร้างก็ไม่ได้ต้องการให้เราได้แทรกซึมรู้ซึ้งไปถึงขนาดนั้น หากมองในมุมมองของเหยื่อและผู้ก่อเหตุที่ไม่ต้องการเปิดเผยอะไรเท่าไหร่

The Black Phone สายหลอน ซ่อนวิญญาณ

และนี่คืองานแสดงหนังใหญ่เรื่องแรกของ “เมสัน เทมส์” ดาราเด็กหน้าใหม่ที่บอกเลยว่าน่าจับตาไม่เบา นอกจากฟิคเกอร์ต่าง ๆ ในรูปลักษณะของเขาจะค่อนข้างหล่อคมพัฒนาได้แล้วการแสดงของหนุ่มน้อยคนนี้ก็ถือว่ามาแบบมาดนิ่ง แต่จริงจังไปด้วยอารมณ์ผ่านท่าทางได้เป็นอย่างดี เห็นแล้วยังสามารถนำไปขัดเกลาและพัฒนามีอนาคนได้อีกไกล

แต่อีกคนที่น่าปรบมือให้ไม่แพ้กันคือ “เมเดอลีน แม็กกรอว์” ที่สาวน้อยคนนี้อาจจะมีประสบการณ์ทางการแสดงมามากกว่า และกลายเป็นอีกคาแรกเตอร์ที๋โดดเด่น แบบที่คนดูละสายตาไปจากเธอไม่ได้เลย ให้การแสดงออกมาได้เข้มข้นและจัดจ้านอย่างไม่น่าเชื่อว่านี่คือพลังการแสดงของดาราเด็ก ยกให้เป็นหนูน้อยที่ครองตำแหน่ง MVP ของหนังเรื่องนี้ไปเลย

ในขณะที่ “อีธาน ฮอว์ก” ก็โรคจิตได้อย่างมืออาชีพ ได้มืออาชีพมาจับบทนี้ก็ไม่ต้องเยอะแยะอะไรมาก อาศัยแค่ทักษะน้อยแต่มาก แต่ออกมาทีก็คือน่ากลัวและทรงพลังไม่เบา แม้ว่าบทบาทนี้ของเขาจะเต็มไปด้วยมิติที่น่าค้นหาไม่น้อย แต่แทบจะไม่มีช่องแสงมากสักเท่าไหร่ แต่ทุกครั้งที่โผล่ออกมา ก็น่าหวาดกลัวจับใจจริง ๆ

The Black Phone สายหลอน ซ่อนวิญญาณ

 The Black Phone ก็จัดได้ว่าหนังเขย่าขวัญ ที่มีบรรยากาศของยุค 70s ที่ถ่ายทอดออกมาได้สนุกและได้อรรถรสค่อนข้างครบดี แม้ว่าองค์ประกอบหลาย ๆ อย่างของหนังเรื่องนั้นจะไม่มีอะไรแปลกใหม่เลย แต่การเล่าเรื่องที่ก้ำกึ่งระหว่างชอบกับไม่ชอบ กับพาให้เราเพลิดเพลินไปได้อย่างไม่รู้ตัว ไม่เชิงกับเป็นหนังผี แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่หลอนเลย โทนอาจจะทำให้เรานึกถึงพวกหนังจากงานเขียนของ “สตีเฟ่น คิง” อะไรทำนองนั้น ถึงมันจะรู้สึกซ้ำ ๆ แต่เอาเข้าจริงก็สนุกดีแหละ

หนังเรื่องนี้เป็นหนังที่เดอร์ริกสันและคาร์กิลล์ร่วมมือกันดัดแปลงเรื่องสั้นความยาว 30 หน้า จากผลงานหนังสือรวมเรื่องสั้นแนวสยองขวัญติดอันดับ The New York Times Best Sellers ที่มีชื่อว่า ’20th Century Ghosts’ (2015) เขียนโดย โจ ฮิลล์ (Joe Hill) ซึ่งเขาก็คือลูกชายของ ‘สตีเฟน คิง’ (Stephen King) เจ้าพ่อสยองขวัญระดับตำนานนั่นเอง และยังได้พี่ อีธาน ฮอว์ก (Ethan Hawke) ที่เคยร่วมงานกันมาแล้วใน ‘Sinister’ (2012) กลับมาร่วมชายคาบลัมเฮาส์อีกครั้ง

ด้วยความที่ตัวเนื้อเรื่องของหนังเล่าเรื่องภายใต้บรรยากาศของรัฐโคโลราโดยุค 70’s ซึ่งจริง ๆ ยุคนี้ถือเป็นยุคเรืองรองของคดีฆาตกรรม ลักพาตัว ฆาตกรต่อเนื่องเป็นทุนเดิม ตัวหนังก็เลยหยิบเอาบรรยากาศความกลัวและความหดหู่อดสูใจจากยุค 1970 มาสร้างบรรยากาศ ปูเรื่องให้รู้ถึงบรรยากาศความสยองขวัญปนหดหู่ของคนที่อยู่ในล้อมรอบของเหตุการณ์ และก็เป็นแรงส่งให้เรารู้สึกถึงการเคารพวิธีการเล่าเรื่องแบบหนังสยองขวัญยุคเก่าไปด้วยพร้อม ๆ กัน ซึ่งจะว่าไปก็มีความคล้ายกับการเซตบรรยากาศความสยองปนคัลต์ยุค 80’s  ในซีรีส์ ‘Stranger Things’ อยู่เหมือนกันนะ

แต่ถึงกระนั้นก็ตาม ตัวหนังเองก็ไม่ได้พยายามจะประโคมโหมกระหน่ำฉากโหดเลือดสาด หรือใส่ Jump Scare ตึ่งโป๊ะล่อให้สะดุ้งนะครับ ตรงกันข้าม ตัวหนังกลับเลือกเสื่ยงที่จะเล่าด้วยพล็อตลูกผสมระหว่างพล็อตหนังเชือดแบบสแลชเชอร์ (Slasher) หนังเอาตัวรอดในที่ปิด วิญญาณสิงสู่ และพล็อตแนว Supernatural หรือแนวเหนือธรรมชาติ ที่ชวนให้นึกถึงพล็อตสยองขวัญผสมเหนือธรรมชาติที่วางพล็อต ‘ชง-ปู-เก็บกลับ’ สไตล์สตีเฟน คิง ที่อาจชวนให้นึกถึง ‘It’ (2017) หรือแม้แต่ ‘Sinister’ (2012) อยู่นิด ๆ เหมือนกัน

เดินเรื่องช้า แต่ออกมาดี

ตัวหนังสามารถควบคุมโทนเรื่อง และพล็อตออกมาได้ค่อนข้างดีเลยล่ะ แม้ตัวหนังในองก์แรกจะทำให้รู้สึกว่าเดินเรื่องเนือย ๆ และมีอาการโดด ๆ ข้าม ๆ ไม่ยอมปูเรื่องบางเรื่องที่ควรจะปูไปบ้าง เพราะเน้นปูเรื่องของฟินนีย์ที่เป็นเด็กฉลาดแต่โดนรังแก โดนบูลลี่เป็นหลัก แต่ก็ต้องชื่นชมว่า ตัวบทสามารถวางพล็อตเรื่องได้ฉลาดทั้งการวางพล็อต และค่อย ๆ วางจุดหักมุมของเรื่องเอาไว้ภายใต้การเล่าแบบนิ่ง ๆ เน้นฉากความรุนแรงที่จัดจ้านติดเรต R แต่ตัวหนังกลับพึ่งพา Jump Scare น้อยมาก แต่สามารถเล่าเรื่องได้หดหู่ น่ากลัวได้ชวนสะดุ้งเกือบทุกดอก

และตัวหนังก็ฉลาดในการวางสัดส่วนระหว่างการเอาตัวรอดของน้องฟินนีย์จากห้องปิดตาย และความโรคจิตของฆาตกรหน้ากากปีศาจ พร้อม ๆ ไปกับเส้นเรื่องของตัวละครที่มีความ ‘เหนือธรรมชาติ’ เป็นคนคอยเบิกทางเบาะแสจากภายนอกไปด้วย ก็เลยยิ่งทำให้ชวนให้เอาใจช่วยทั้งคู่ไปด้วย เรียกได้ว่าเป็นการลุ้นระทึกที่เต็มไปด้วยความสร้างสรรค์ แอบติดตลกร้ายชวนไหล่สั่น มีสารบางอย่างให้คิดต่อ ก่อนจะปิดจ็อบด้วยฉากโหดสะใจแบบสุดเขตเรต R ทำให้หนังเรื่องนี้ถือเป็นหนังสยองขวัญ-ทริลเลอร์ที่ครบรสแบบไม่มีอะไรค้างคาจริง ๆ

หนังผี-ทริลเลอร์-เอาตัวรอด ผสม Supernatural ในแบบฉบับของ สตีเฟน คิง ที่สามารถสร้างบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความอึดอัด วางพล็อตหักมุมได้ชวนสะดุ้ง ขับเคลื่อนเรื่องด้วยความฉลาด ท้าทาย เป็นเหตุเป็นผล น่าเอาใจช่วย ปูและเก็บกลับได้ดี แทรกด้วยมุกตลกร้ายกาจเล็ก ๆ ไว้แก้เลี่ยนด้วย นี่อาจไม่ใช่หนังที่ถูกใจคอหนังสยองขวัญสายคลุ้งคาวเลือด สยองขวัญแบบตู้ม ๆ แต่เป็นหนังลุ้นระทึกที่ได้บรรยากาศลุ้นบวกสยองที่เหมาะกับการดูในโรงหนังเพื่อให้ได้อรรถรสอย่างเต็มที่ รับรองว่าดูจบแล้วน่าจะหลอนเสียงโทรศัพท์​ไปอีกนาน

Original title The Black Phone (2022) สายหลอน ซ่อนวิญญาณ
IMDb Rating 7.885 172 votes
TMDb Rating 404 322 votes

Director

Director

Cast

Similar titles

Shutter (2004) ชัตเตอร์ กดติดวิญญาณ
Smuggling in Suburbia (2019)
Restless (2022) ตาย… ตาไม่หลับ
Friend Request (2016) ผีแอดเพื่อน
Candyman (2021) ไอ้มือตะขอ
THE PROMISE เพื่อน..ที่ระลึก
Vampires vs. the Bronx (2020) แวมไพร์บุกบรองซ์
26 years (2012) 26 ปี ปิดบัญชีแค้นจอมเผด็จการ
Get Out (2017) ลวงร่างจิตหลอน
Avatar อวตาร (2009)
The Trip (2021) ทริปป่วนสติหลุด
Across the Universe (2007) รักนี้ คือทุกสิ่ง

Leave a comment