Guardians of the Galaxy Vol3 (2023) รวมพันธุ์นักสู้พิทักษ์จักรวาล3 หนังใหม่จากค่าย มาเวล เหล่าผู้พิทักษ์อันเป็นที่รักของแฟนๆ ดูเหมือนจะเปลี่ยนไปเล็กน้อย ปีเตอร์ ควิลล์ ยังคงไม่หลุดพ้นจากเรื่องการสูญเสียกามอร่า เขายังคงทำหน้าที่อย่างดีในการนำทีมปกป้องจักรวาลรวมถึงปกป้องตัวพวกเขาเอง ภารกิจที่หากไม่ทำให้สำเร็จนั้นอาจจะนำไปสู่หายนะต่อพวกเขาได้ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาคต่อจาก Guardians of the Galaxy
(2014) และ Guardiansofthe Galaxy Vol. 2 (2017)ซึ่งในภาคนี้ผู้ชมจะได้ติดตามการผจญภัยครั้งสุดท้ายของทีม Guardians ที่ในครานี้พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับวายร้ายสติเฟื่องคนใหม่อย่าง The High Evolutionary (รับบทโดย ChukwudiIwuji) ชายผู้มีอดีตอันดำมืดเกี่ยวโยงกับ Rocket Raccoon (พากย์เสียงโดย Bradley Cooper) นอกจากนี้แฟนๆ จะยังได้พบกับ Adam Warlock (รับบทโดย Will Poulter) หนึ่งใน
ตัวละครที่โด่งดังและทรงพลังอย่างมากในฉบับคอมมิคที่จะปรากฎตัวออกมาครั้งแรกในภาพยนตร์เรื่องนี้ โดยท้ายที่สุดแล้วเรื่องราวการพิทักษ์จักรวาลในครั้งนี้จะจบลงอย่างไร และตัวละครใหม่อย่าง Adam Warlock จะอยู่ฝั่งดีหรือฝั่งร้ายนั้นทุกคนต้องไปรับชมกันด้วยตาตัวเอง Guardians of the Galaxy Volume 3 (รวมพันธุ์นักสู้พิทักษ์จักรวาล 3) ฉายแล้ววันนี้ทุกโรงภาพยนตร์เฟสที่ผ่านมามีภาพยนตร์และซีรีส์ของมาร์เวลถี่ขึ้นมาก แต่
นับตั้งแต่ Avengers:End Game เป็นต้นมายังแทบไม่มีเรื่องไหนที่เข้าใกล้หัวใจได้เทียบเท่า Guardians of the Galaxy Vol. 3 รวมพันธุ์นักสู้พิทักษ์จักรวาล 3 เหล่า ที่มีทั้งปมและประเด็นมากมายอัดแน่นอยู่ในเรื่องที่ทำให้เราทั้งคิดตามและเสียงน้ำตา ผสมอยู่กับความตลกและเพลงที่คุ้นหูซึ่งเป็นลายเซ็นของภาพยนตร์ชุดนี้ ดูหนังฟรีได้ที่ ดูหนังออนไลน์ดอทคอม
เว็บเถื่อนดูหนัง ขอนำเสนอ เหล่าผู้พิทักษ์จักรวาลกำลังเริ่มต้นชีวิตใหม่บนดาวโนว์แวร์ ในขณะที่ ปีเตอร์ ควิลล์ (รับบทโดย คริส แพรตต์) ยังคงเสียใจกับการจากไป ของกาโมร่า (รับบทโดย โซอี ซัลดานา) แต่แล้วก็มีเรื่องให้เขาต้องรวบรวมสติและทีมเพื่อมาช่วยชีวิตของร็อคเก็ตที่โดน อดัม วอร์ล็อค (รับบทโดย วิล พัลเตอร์) โจมตีเพื่อชิงตัวเขากลับไปให้ ไฮ อีโวลูชั่นนารี (รับบทโดย ชุควูดี อิวูจิ) ที่ต้องการสมองอัจริยะของร็อคเก็ตเพื่อ
สร้างยูโทเปียของสิ่งมีชีวิตที่สมบูรณ์แบบ แต่ในตัวร็อคเก็ตกลับมีคิลสวิตช์ที่ต้องถูกปิดก่อนจะทำการรักษา เหล่าผู้พิทักษ์จักรวาลจึงต้องรวมทีมกับเหล่าสหายในภารกิจนี้เพื่อช่วยชีวิตของร็อคเก็ต และได้พบกับเรื่องราวที่มาของร็อคเก็ตที่ไม่เคยถูกเปิดเผยประเด็นสำคัญของภาคนี้คือเรื่องราวที่มาของร็อคเก็ตว่าทำไมแร็คคูนตัวนี้ถึงกลายเป็นแร็คคูนพูดได้อัจริยะ ซึ่งใช้เวลาส่วนใหญ่ของเรื่องในการเล่า ด้วยวิธีการเล่าแบบสลับไปสลับมากับ
เหตุการณ์ปัจจุบันของเรื่องซึ่งทำให้ภาคนี้เป็นภาคของร็อคเก็ตอย่างแท้จริง เหมือนกับที่มีการพูดเรื่องเรื่องว่าในเส้นเรื่องของร็อคเก็ตมีการถ่ายถอดประเด็นการทดลองในสัตว์ไว้ได้อย่างกระแทกใจชนิดไม่มีออมมือ เรียกว่าถ้าใครรักสัตว์อาจจะต้องระวังหัวใจเวลาดู ซึ่งเพิ่มคุณค่าของเรื่องได้อีกมาก แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นตัวที่ดึงให้ทุกอย่างมีโทรที่หม่นมากขึ้นเช่นกัน ทำให้ภาคนี้มุขตลกดูจะไม่ได้เฉิดฉายเท่าภาคก่อน ๆ แต่ก็สะท้อนความตั้งใจของเจมส์ กันน์ ที่จะตั้งใจจะปิดเรื่องราวของร็อคเก็ตให้สวยงาม สมกับที่เขาตัดสินใจกลับมาทำงานกับมาร์เวลด้วยเหตุนี้นั่นเองมนุษย์ไม่ใช่จุดศูนย์กลางของทุกอย่าง
ดูหนังต้อง เว็บดูหนังเถื่อน ฉากแอ็คชั่นในเรื่องก็ไม่ได้ตกมาตรฐานของมาร์เวล และเพลงที่เป็นเหมือนหนึ่งในตัวเอกของภาพยนตร์ชุดนี้ก็ยังคงทำงานได้ดีอยู่เสมอ โดยเพลงที่โดดเด่นที่สุดของเรื่องคือ Creep ของ Radiohead เวอร์ชั่นอะคูสติกที่ทั้งเซ็ตโทนที่หม่นหมองของเรื่อง และสะท้อนหัวใจของตัวละครได้เป็นอย่างดีหากจะมีสิ่งที่น่าเสียดายอยู่บ้างในเรื่องนี้ก็อาจจะเป็นตอนจบที่แม้จะดีแล้วแต่กลับไม่ได้ให้ความรู้สึกอิ่มเอม
หรือรู้สึกถึงการปิดตัวบางอย่างเท่าที่ควร อาจจะด้วยความที่ผู้ชมรู้อยู่แล้วว่าเราน่าจะได้เจอกับสมาชิกของแก๊งค์อีกในอนาคต แต่ถึงอย่างไร Guardians of the Galaxy Vol. 3 รวมพันธุ์นักสู้พิทักษ์จักรวาล 3 ก็เป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่ไม่ควรพลาดอย่างยิ่งของมาร์เวลด้วยประการทั้งปวงถ้านับตั้งแต่ช่วงเวลาหลังจากที่ ‘Guardians of the Galaxy Vol. 2’ ลงโรงฉายไปเมื่อปี 2017 ไม่น่าเชื่อว่านี่คือช่วงเวลานานถึง 6 ปีเข้าให้แล้ว ถือว่าเป็น
หนังซูเปอร์ฮีโรของ Marvel Studios ที่มีระยะห่างของภาคต่อที่ห่างมากอีกเรื่องเลยก็ว่าได้ (ถ้านับตามเฟส Vol. 2 นี่คืออยู่ในเฟส 3 เลยครับ) ถ้าไม่นับที่ยกโขยงไปช่วยกำราบธานอสใน ‘Avengers: Infinity War’ (2018), ‘Avengers: Endgame’ (2019) และใน ‘Thor: Love & Thunder’ (2022) ดีหน่อยที่ช่วงคริสต์มาสที่แล้วเพิ่งมี ‘The Guardians of the Galaxy Holiday Special’ (2022) ที่น่ารักและอุ่นเครื่องก่อนมาเจอของ
จริงกับหนังเรื่องนี้ได้ดีเลยซึ่งถ้าใครยังจำกันได้ กว่าจะมาเป็น ‘Guardians of the Galaxy Vol3’ อย่างที่เราได้ดูกัน นอกจากจะนานแล้วก็ยังทุลักทุเลใช่ย่อย เพราะ เจมส์ กันน์ ผู้กำกับและเขียนบทประจำแฟรนไชส์นี้ ดันถูกขุดทวีตแนวตลกร้ายต่าง ๆ นานา จน Disney ที่รักษาภาพลักษณ์ด้านบวกยิ่งชีพถึงกับต้องปลดออก แม้หนัง 2 ภาคจะทำรายได้ไปไม่น้อย แต่สุดท้ายด้วยแรงหนุนจากทั้งคนดูและนักแสดง ก็เลยได้โอกาสที่ 2 ได้กลับ
มาสานฝันกับหนังเรื่องนี้อีกครั้ง แต่แล้วก็ยังต้องผัดผ่อนไปอีก เพราะระหว่างนั้น กันน์ก็ข้ามไปจักรวาล DC กำกับหนัง ‘The Suicide Squad’ (2021) และทีวีซีรีส์ ‘Peacemaker’ (2022) จนได้นั่งแท่นผู้บริหารร่วมของ DC Studios ด้วยซะเลย หนังออนไลน์เข้าใหม่ หนังชนโรงดูฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ มาที่นี่ ดูหนังออนไลน์ฟรีดอทเน็ต
ดูหนังเถื่อน ก็เลยทำให้หนังเรื่องนี้อยู่ในจุดที่ ถ้าว่ากันตามตรง ก็ถือว่ามีความคาดหวังสูงพอควรแหละนะครับ เพราะไหนจะภาพรวมของ MCU เฟส 4-5 ที่ลุ่ม ๆ ดอน ๆ หนังเปิดเฟส 5 อย่าง ‘Ant-Man and the Wasp: Quantumania’ ก็พังพาบไม่เป็นทรง และรวมทั้งการที่กันน์ตั้งใจว่าจะให้ ‘Guardians of the Galaxy Vol. 3’ นี้ เป็นภาคอวสานเรื่องราวของแก๊งการ์เดียนส์แบบจบบริบูรณ์ และเป็นหนังเรื่องสุดท้ายของกันน์ที่จะกำกับให้
MCU ก่อนไปรับตำแหน่งผู้บริหาร DC แบบเต็มเวลา ประกอบกับที่ผ่านมา ‘Guardians of the Galaxy’ ถือว่าประสบความสำเร็จทั้งในแง่รายได้ และความชื่นชอบอย่างล้นหลาม ก็เลยย่อมอยู่ในฐานที่ถูกคาดหวังเยอะหน่อยเป็นธรรมดาสำหรับเรื่องย่อ ตัวหนังเหมือนจะต่อจาก ‘Guardians of the Galaxy Holiday Special’ แบบกลาย ๆ นะครับ เพราะมีบางจุดในหนังที่อ้างอิงอยู่บ้าง ถ้าใครดูแล้วก็จะเข้าใจและอินมากกว่าหน่อย โดยใน
ภาคนี้ หัวหน้าแก๊งอย่าง ปีเตอร์ ควิลล์/สตาร์ลอร์ด (Chris Pratt) ที่ยังมูฟออนจากความสูญเสีย กาโมรา (Zoe Saldaña) จากเหตุการณ์ใน ‘The Avengers Infinity War’ (2018) ไม่ได้เหมือนเดิม แม้กาโมราจะกลับมาให้เจอก็จริง แต่เธอก็เป็นกาโมราจากอีกไทม์ไลน์ที่จำอะไรไม่ได้เลย แถมยังไปเป็นสมาชิกแก๊งราเวนเจอร์กับ สตาคาร์ (Sylvester Stallone) อีกต่างหาก ร้อนถึงควิลล์เองต้องพยายามรื้อฟื้น ‘ความนัยที่รู้กัน’ ของทั้งคู่ขึ้นมา
อีกครั้งแบบทุลักทุเลในขณะที่ ไฮ เรฟโวลูชันนารี (Chukwudi Iwuji) นักวิทยาศาสตร์ชั่วร้ายผู้คิดค้นการดัดแปลงสัตว์ให้มีสติปัญญาเทียบเท่ามนุษย์ เพื่อหวังสร้างสังคมใหม่ที่สมบูรณ์แบบบนอาณานิคมที่เรียกว่า เคาต์เตอร์เอิร์ธ (Counter-Earth) ได้บงการให้ สังฆราชินีอายีชา (Elizabeth Debicki) ผู้นำสูงสุดของอาณาจักรซอฟเวอเรน (Sovereign) และลูกชาย อดัม วอร์ล็อก (Will Poulter) วัยรุ่นดักแด้ทอง ไปชิงตัวร็อกเก็ต (Bradley
Cooper) มาให้ได้เพื่อเป้าประสงค์บางอย่าง แต่ระหว่างต่อสู้กัน ร็อกเก็ตเกิดบาดเจ็บสาหัสถึงขั้นปางตาย ร้อนถึงเพื่อน ๆ แก๊งการ์เดียนส์ ทั้งสตาร์ลอร์ด, แดร็กซ์ (Dave Bautista), เนบิวลา (Karen Gillan), แมนทิส (Pom Klementieff), กรูท (Vin Diesel) ที่คราวนี้มาในเวอร์ชันล่ำ หรือ (Swole Groot) ที่ต้องย้อนไปถึงต้นกำเนิดและที่มาที่ไปของร็อกเก็ต เพื่อค้นหาวิธีการที่จะฟื้นชีวิตของร็อกเก็ตให้กลับมาอีกครั้ง
เพราะจะว่าไป ร็อกเก็ตคือตัวละครหนึ่งที่ยังไม่เคยถูกเปิดเผยที่มาที่ไปเลย กันน์ก็เลยอยากให้ร็อกเก็ตเป็นศูนย์กลางของเรื่องราวในภาคนี้ และเป็นเหมือนกับตัวแทนของกลุ่มคนไม่เอาไหนที่มารวมตัวกันเป็นแก๊งการ์เดียนส์ที่เป็นปึกแผ่น รวมทั้งที่มาของความอัจฉริยะของเจ้าแร็กคูนปากเก่งตัวนี้ด้วย ตัวหนังก็เลยจะตัดสลับกับเหตุการณ์ ณ ปัจจุบันที่ร็อกเก็ตนอนโคมาอยู่บนยาน เดอะ มิลาโน (The Milano) ตัดสลับ Flashback กับ
เหตุการณ์ในวัยเด็กตอนที่ร็อกเก็ตยังเป็นแค่แร็กคูนตัวจิ๋ว ๆ ที่ถูกจับมาทดลอง ซึ่งที่นั่นเขาเองก็ได้เจอกับผองเพื่อนบรรดาสัตว์ทดลองที่กลายมาเป็นเพื่อนในเวลาต่อมา ซึ่งใน Flashback นี้ก็จะค่อย ๆ คลายปมปริศนาที่มาที่ไปของตัวร็อกเก็ตเอง และเป็นมูลเหตุให้แก๊งเกรียนต้องเหาะข้ามจักรวาลเพื่อไปบุกรังของ ไฮ เรฟโวลูชันนารี เพื่อหาวิธีช่วยร็อกเก็ตให้ได้ ในขณะเดียวกันก็ต้องหลบหนี อดัม วอร์ล็อก ที่ก็กำลังออกตามหาร็อกเก็
ตด้วยเหมือนกันแน่นอนแหละว่า ผู้เขียนก็เหมือนหลายคนที่มีความกังวลว่า พอเห็นโปสเตอร์ที่เน้นภาพของร็อกเก็ตเยอะ ๆ เห็นตัวละครอย่างสตาร์ลอร์ดร้องไห้ในตัวอย่าง ก็ยิ่งชวนให้เครียดไปใหญ่ว่าจะมีใครตุยหรือเปล่าเนี่ย พอยิ่งเป็นภาคสุดท้าย ก็ยิ่งเอื้อให้สามารถเขียนบทให้ใครบางคนตุยไปเลยก็ย่อมได้ ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้น ก็อาจจะทำให้แกนหลักในแบบที่ ‘Guardians of the Galaxy’ เป็นมาโดยตลอดนั่นก็คือ ความเกรียน ความรั่ว
ความกวนเบื้องล่าง ความน่ารักก๊องแก๊ง จะถูกพังทลายจนสิ้นด้วยบรรดาเส้นเรื่องดราม่าตับพัง จนพาให้ภาพรวมออกมามีแต่ดราม่าน้ำตารื้นจนเสียรสเสียชาติความเกรียนไปแหง ๆ ยิ่งมีช็อตที่ร็อกเก็ตเปิดเพลง “Creep” (เวอร์ชันอคูสติก) ของวง ‘Radiohead’ ที่มีเนื้อเพลงสะท้อนภาพของ Underdog ขี้แพ้ บวกด้วยฉากแอ็กชันโหด ๆ ที่เปิดมาก็ยิ่งชวนให้สถานการณ์ยิ่งหม่นหมองหดหู่หนักเข้าไปอีก หนังเถื่อน หนังใหม่ดูฟรี ที่นี้เท่านั้น
แต่พอตัวหนังเริ่มเดินเรื่องการผจญภัยของแก๊งการ์เดียนส์ จึงเริ่มค่อย ๆ ผ่อนคลายความดราม่าตับแตก และเริ่มเข้าสู่โหมดเกรียนอีกครั้ง ซึ่งในภาคนี้ถ้าสังเกตดี ๆ ก็จะเห็นได้ว่า แต่ละมุกที่เล่น หรืออารมณ์มวลรวมของแต่ละตัวละครมีความเคร่งขรึมขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทั้งจากบรรยากาศหม่น ๆ ธีมของบทที่จริงจังซีเรียสมากขึ้น การสะท้อนเรื่องราวของความเป็นครอบครัว ความเป็นคนนอกคอกไม่มีใครเอา รวมถึงตอกหน้าแนวคิดการมุ่ง
เน้นการสร้างโลกและสังคมที่สมบูรณ์แบบ (ที่แอบมีความเป็นการเมืองนิด ๆ ) รวมทั้งบรรดามุกห่ามร้าย มุกหยาบคายจากหลายตัวละครที่เริ่มเติบโตขึ้นตามเวลาแน่นอนแหละว่า มวลความกวนเบื้องล่างแบบเกรียน ๆ มีความเป็นการ์ตู๊นการ์ตูนในแบบที่เคยชอบใน 2 ภาคแรกมันอาจจะหายไปพอควร แต่มันก็แลกมาด้วยความรู้สึกเติบโตของตัวละครและเรื่องราวที่จริง ๆ มันก็การ์ตูนแหละ แต่อาจจะเป็นการ์ตูนที่โตขึ้นไปอีกขั้น อีกจุดที่
เคร่งขรึมอย่างเห็นได้ชัดก็คือบรรดาฉากแอ็กชัน ที่คราวนี้เล่นใหญ่กว่าเดิมเยอะมากครับ ทั้งงานโปรดักชัน และวิชวลเอฟเฟกต์ ที่ยังเน้นสีสันจัดจ้าน ประหลาดล้ำแปลกตา แต่ก็มีการใช้วิชวลที่ดูน่าขยะแขยงน่าเกลียด รู้สึกหยึย ๆ แหวะ ๆ ไม่เหมือนในภาคก่อน ๆ ที่เน้นความสวยอลังการ และงานแอ็กชันที่ผู้เขียนคิดว่าดีกว่าในทุก ๆ ภาคครับ โดยเฉพาะในองก์ที่ 3 ที่เป็นแอ็กชันแบบลองเทกยาวเหยียดที่ทำออกมาได้แบบว่า โคตรโหดโคตร
อันตรายจริง ๆ เว็บหนังเถื่อน ของเรา ได้มีหนังใหม่ให้ได้รับชมฟรี Mission Impossible 7 Dead Reckoning Part One (2023) มิชชั่น อิมพอสซิเบิ้ล ล่าพิกัดมรณะ รับชมฟรี คลิ้กเลย
แม้ภาพรวมของตัวหนังจะแอบมีความซีเรียส และมีฉากที่สะเทือนใจคนรักสัตว์นิดหน่อย แต่เอาจริง ๆ ผู้เขียนคิดว่ามันก็ไม่ได้ถึงกับดราม่าหม่นหมองร้องไห้ตับจะแตกอะไรขนาดนั้นครับ เพราะตัวหนังพยายามสลับอารมณ์
ให้ถูกที่ถูกทางมากขึ้น ทั้งจังหวะฮาเกรียนตามแบบฉบับ และจังหวะหม่นน้ำตาซึม และรวมไปถึงการกระจายเส้นเรื่องได้อย่างยอดเยี่ยมด้วย เหมือนกันน์จะพยายามเทปมเรื่องของทุกคนออกมาทิ้งทวนเป็นครั้งสุดท้ายแบบ
ไม่กลัวเสียดาย แม้เส้นเรื่องหลักจะมีศูนย์กลางอยู่ที่ร็อกเก็ต แต่สิ่งที่ยอดเยี่ยมของตัวหนังก็คือ การแบ่งแอร์ไทม์อันแสนจะยุ่บยั่บให้กับตัวละครทั้งหมดได้อย่างสมดุลและมีจังหวะจะโคน จนทำให้แต่ละเส้นเรื่องไม่ได้ตี
กันเองจนมั่วแหลก แต่เหมือนเป็นการรวมทุกปมของทุกตัวละครจากทุกภาค มาสรุปและหาทางลงให้ในภาคนี้ได้อย่างลงตัวใครที่รู้สึกว่า 2 ภาคแรก บางตัวละครแอร์ไทม์ดูน้อยไปหน่อย ด้วยความที่ภาคนี้ยาวที่สุด ภาคนี้ก็
เลยจะได้เห็นตัวละครสมทบได้ฉายแสงกันอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะตัวละครที่ผู้เขียนชอบมาก ๆ อย่างแมนทิส คอสโม และกรูท (เวอร์ชันล่ำ) ที่ปกติแล้วจะมีบทบาทไม่เยอะ หนังก็เลยให้ได้ยิงมุกฮาและแอ็กชันกันแบบจุใจ
ไปเลย ส่วนตัวละครอื่น ๆ อย่างเช่น แดร็กซ์, เนบิวลา ฯลฯ ก็จะได้มีจังหวะขโมยซีนคม ๆ มากขึ้น ซึ่งก็ต้องแลกกับบทบาทของสตาร์ลอร์ดที่ลดลงไปอย่างเห็นได้ชัด ทั้งคู่หู แดร็กซ์-แมนทิส จาก ‘Holiday Special’ ที่ยิงมุก
เข้าขาสุด ๆ เลยอีกสิ่งที่ไม่พูดถึงก็ไม่ได้ นั่นก็คือเพลย์ลิสต์ประจำภาค ที่คราวนี้ กันน์เลือกเพลงจากยุค 90s เป็นส่วนใหญ่นะครับ และก็ไม่มีมิกซ์เทป Awesome Mix แล้วด้วย แต่เป็นเพลย์ลิสต์ที่อยู่ในเครื่องเล่นเพลง
แทน ซึ่งกันน์ก็ยังคงเลือกเพลงได้ดีไม่แพ้ 2 ภาคแรก และเขาก็ยังคง ยังคงจับคู่เพลงยุค 90s กับอุณหภูมิของแต่ละฉากได้อย่างแม่นยำมาก คล้ายกับ เควนทิน ทารันทิโน (Quentin Tarantino) ที่รสนิยมการฟังเพลง
กว้าง ฟังเพลงดีหลากหลายแนว และจับคู่เพลงเข้ากับอุณหภูมิของแต่ละซีนในหนังของตัวเองได้ออกมาถูกควรจนกลายเป็นอัลบั้ม Soundtrack ประกอบหนังที่ขายดิบขายดีมาตลอด ก็หวังว่าอัลบั้มสุดท้ายนี้จะขายดีไปด้วยนะครับ ดูหนังเว็บเถื่อน ต้องทางเว็บของเราเท่านั้น ดูฟรี ไม่ต้องสมัคร ไม่มีโฆษณามารบกวน