The 100 Season 6 จุดเริ่มต้นเกิดจากบนอวกาศที่กว้างใหญ่มียานอวกาศที่ต่างเรียกกันว่า ” The Ark “ ภายในยานนั้นมีผู้คนมากมายที่ต่างพากันอพยพหนีจากโลก หลังเกิดรังสีนิวเคลียร์ที่มนุษย์ไม่สามารถอยู่ได้ และเวลาก็ผ่านไปหลายทศวรรษจนรังสีนั่นเริ่มเบาบาง ทาง The Ark จึงส่งเหล่าวัยรุ่นต้องโทษเพื่อไปสำรวจ ซึ่งบนยานก็จะมีเสนาที่จะเป็นเหมือนผู้นำคอยตัดสินใจในเรื่องต่างๆ อยู่ และขณะเดียวกันคนที่ลงสู่โลกก็เจอปัญหาบางอย่าง ดูหนัง
เรื่องราวต่อเนื่องจากซีซั่นก่อน รอยต่อจากการต่อสู้ของมนุษย์ที่เหลือรอดหลากหลายชนเผ่า และดวงดาวที่ยังพออาศัยอยู่ได้นอกจากยาน “ดิ อาร์ค” พวกเขาสามารถเดินทางข้ามจักวาลและเวลาด้วย “หินศิลาอโนมารี่” เพื่อปฏิบัติภารกิจ ช่วยเหลือหรือส่งมอบเพื่อนนักโทษ ขณะเดียวกัน ณ วัง “แซงตัม” ประชาชนก็ได้ทวีคูณความวุ่นวายมากขึ้น เมื่อเหล่าผู้มีศรัทธาเกิดความไม่พอใจในกองทัพ และมีข้อโต้แย้งถึงการต่อสู้มากกว่าเดิม “โฮบ” หญิงสาวผู้เสียความทรงจำที่ถูกส่งมาจากศิลาอโนมารี่ เธอได้รับการช่วยเหลือจาก “เกเบรียว และ เอ็คโค่” เธอได้ต่อสู้กับกลุ่มทหารล่องหนที่ควบคุมศิลา พวกเขาต้องร่วมมือกับกองทัพ “คลากส์ และ เรเวน” เพื่อหาวิธีจบสงครามสุดท้าย ตามความเชื่อว่าหากไม่มีมนุษย์ก็จะไม่มีสงคราม แล้วใครกันละที่สร้างมนุษย์ขึ้นมา
เมื่อโลกถูกล้างผลาญด้วยมหันตภัยปรมาณู ทำให้มนุษย์ต้องอพยพไปอยู่บนนิคมอวกาศชื่อ ดิอาร์ค แต่ด้วยวิกฤติการณ์ที่ก๊าซออกซิเจนสำหรับหายใจกำลังขาดแคลน เหล่าสมาชิกสภามีมติให้ส่งนักโทษเยาวชนจำนวน 100 คนลงไปบนโลกเพื่อพิสูจน์ว่าโลกที่พวกเขาจากมานานยังสามารถอาศัยอยู่ได้หรือเปล่า และทันทีที่พวกเขาแตะพื้นโลก นอกจากต้องเผชิญเหล่าสัตว์แปลกกลายพันธุ์แล้ว พวกเขาอาจไม่ใช่มนุษย์เพียงกลุ่มเดียวที่ต้องการเป็นเจ้าของพื้นโลก ทำให้ คลาร์ก กริฟฟิน
ดูจากเรื่องย่อก็น่าสนุกแล้วใช่ไหมล่ะ ซึ่งโครงเรื่องของซีรีส์กว้างมากเลยทำให้ลุ้นอยู่ตลอดว่าจะเกิดอะไร ส่วนตัวผมคิดว่าเป็นหนังที่คาดเดาได้อยากมาก คนดูไม่อาจคาดถึงเลยในแต่ล่ะตอนผมนี่งุดงิดเหมือนกันในตอนแรกๆที่ ตายกันง่ายเกิ๊น แถมทำอะไรแม่งไม่คิดกันเลย คิดแต่สนุกกัน คือแบบพวกเอ็งมาเพื่อสำรวจโลกน่ะเว้ยไม่ได้มาเที่ยว กว่าพวกเอ็งจะคิดได้ความฉิบหายมันมาถึงแล้ว (ความเห็นส่วนตัวน่ะ 555) ออกจากการหัวร้อนมารีวิวกันต่อเถอะ ในส่วนของตัวละคร ซึ่งตัวละครแต่ละตัวก็จะมีพลอตความหลังของตัวเองซึ่งทำได้ดีมากตัวละครส่วนใหญ่จะเป็นวัยรุ่นทีมีลักษณะจิตวิทยาของวัยรุ่นจริงๆและมีการพัฒนาของความคิดให้ได้เห็นภายในเรื่องและยังมีมุมมืดๆของแต่ละตัวละครค่อยๆเผยออกมาในแต่ล่ะตอน บางคนดูเหมือนจะดีในช่วงแรกแต่ก็เผยความมืดในตัวเองออกมา ขอเสริมน่ะครับ 100 คนที่ส่งมาบนโลกส่วนใหญ่จะเป็นนักโทษครับ อาจจะมีบางคนที่เก่งในแต่ล่ะด้านที่ส่งมาช่วยพวกนักโทษ รวมถึงนางเอกด้วยยย หนังฟรี
เอาล่ะมาให้คะแนนเรื่องนี้กัน เต็ม 10 ผมให้ 9 เลยสำหรับเรื่องนี้ ส่วนตัวผมชอบที่ตัวละครแต่ล่ะตัวมีพลอตความหลังของตัวเอง ด้านมืดในตัวเอง แถมการผจญภัยในโลกที่ไม่มีคนอยู่มานาน เหมือนกับการไปต่างดาวเลย ซึ่งสามารถดูโดยเรื่อยๆโดยไม่เบื่อ สว่นตัวอยากแนะนำให้เพื่อนที่ชอบแนวไซไฟ ผจญภัย ไปหามาดูโดยด่วนไม่งั้นอาจพลาดซีรีส์สนุกมากๆเรื่องหนึ่งไปได้ ซึ่ง The 100 มีให้ชมทาง Netflix ปัจจุบันมีทั้งหมด 6 ซีซั่น อย่าลืมไปหามาดูล่ะ ไม่งั้นคุยกับคนอื่นไม่รู้เรื่องแน่เตื่อนแล้วน่ะ
ซีรีส์บางเรื่องก็สร้างมานาน มีหลายซีซั่นต่อเนื่อง ถูกพูดถึงกันให้ได้ยินมาหลายหน แต่จนแล้วจดรอดก็ไม่เคยจิ้มเข้าไปดู แล้วมาวันหนึ่ง มันถูกพูดถึงอีกครั้งเลยได้โอกาส ขอลองดูหน่อยซิ ใช่แล้วล่ะ ซีรีส์เรื่องนั้นก็คือเรื่องเดียวกันที่คุณกำลังเปิดอ่านอยู่นี้ ‘The 100’ เรื่องราวของหนุ่มสาวที่ถูกปล่อยทิ้งลงมาจากสถานีอวกาศเพื่อสำรวจโลกที่เขาไม่เคยรู้จัก
เรื่องราวมันออกจะไซไฟ ขณะเดียวกัน มันก็ดูเป็นซีรีส์วัยรุ่นไปพร้อมๆ กัน ล่าสุด ก็ได้ข่าวว่ากำลังจะมีซีซันที่เจ็ดออกมาให้แฟนๆ ที่ติดตามมานานตั้งแต่ซีซันแรกในปี 2014 ได้ดูกันแล้ว ดั้งเดิมนั้นก็คงมีฉายกันทางเคเบิล CW, CBS อะไรเทือกๆ นั้น สำหรับผม มีโอกาสได้ชมจากสตรีมมิ่งเจ้า Netflix นี่แหละครับ ในช่วงเวลารอซีรีส์และหนังที่น่าสนใจอยู่
97 ปีก่อน หลังสงครามนิวเคลียร์ล้างโลก ดินแดนที่เคยเป็นที่อยู่ที่อาศัยของมวลมนุษย์กลายเป็นที่ที่ไม่เหมาะสำหรับมนุษย์ พวกเขาจึงเหลือเพียงกลุ่มที่ใช้ชีวิตบน ‘ดิอาร์ค’ สถานีอวกาศ เหนือโลก 97 ปีต่อมา พวกเขาพบว่าออกซิเจนกำลังจะหมดลง และซ่อมแซมไม่ทัน ปฏิบัติการยืดเวลาจึงบังเกิดขึ้น พวกเขาเลือกจะส่งมนุษย์บางส่วนลงไปยังพื้นโลก
การส่งมนุษย์ลงไปครั้งนี้ นอกเหนือจากการซื้อยื้อเวลาบนสถานีอวกาศแล้ว อีกส่วนก็เพื่อสำรวจและทำให้มั่นใจว่า โลกได้กลับมาเหมาะกับการอยู่อาศัยของมนุษย์อีกครั้งแล้วหรือไม่ พวกเขาจึงกำชับให้ทุกคนใส่กำไลข้อมือไว้เพื่อการติดตาม แต่ทุกอย่างไม่ได้เป็นอย่างที่คิด หนังใหม่
ยานเกิดอุบัติเหตุและไม่ร่อนลงจอดยังจุดที่กำหนดไว้ ทำให้เหล่านักโทษที่ถูกปล่อยลงมาต้องเผชิญกับเหตุยากลำบาก หนำซ้ำในกลุ่มยังมีพวกนิสัยเลวร้ายบีบบังคับให้ผู้คนยอมถอดกำไลข้อมือ และพวกเขาบางส่วนต้องออกเดินทางไปยังจุดหมายที่เก็บเสบียง แต่ก็ต้องพบบางสิ่งที่ไม่คาดคิด
100 คนนี้จะทำสำเร็จหรือไม่ พวกเขาจะติดต่อสื่อสารกับคนบนสถานีอวกาศอย่างไร หรือจะเอาตัวรอดจากภัยบนโลกที่เขาไม่รู้จักได้อย่างไร
ซีรีส์เล่าเรื่องราวสลับกันไปมาระหว่างบนสถานีอวกาศ ‘ดิอาร์ค’ และอีกร้อยคนบนพื้นโลก ในความรู้สึกผม การปกครองบนสถานีอวกาศนั้นมีลักษณะที่ไม่น่าไว้วางใจ โทษร้ายแรงของบนนั้นคือการประหารชีวิต ดูโหดเหี้ยมจริงจังอาจเพราะต้องการควบคุมคนให้อยู่ในกฎอย่างเคร่งครัด ที่นั่น มีทั้งทรัพยากรอันจำกัด จึงต้องการระบบการปกครองที่เข้มงวดตามไปด้วย แต่ก็เป็นเหตุให้มีความรุนแรงและการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง มีนายกรัฐมนตรีที่เป็นใหญ่สุดแต่กลับถูกยิง มีวุฒิสมาชิกที่มุ่งหวังจะยึดเอาอำนาจนั้นมาเป็นของตนแถมยังเป็นคนที่โหดเหี้ยมกว่า มีกรณีของการปิดบังประชากรด้วยเหตุผลบางอย่าง
เรื่องราวในซีรีส์เรื่องนี้ จะมักจะเน้นไปที่ คลาร์ก กริฟฟิน (Eliza Taylor จากหนังเรื่อง The November Man) สาวผมบลอนด์จิตใจดีที่บางทีก็เด็ดขาด เธอเป็นลูกสาวของแม่ที่เป็นแพทย์บนดิอาร์ค กับ เบลลามี เบลค (Bob Morley) ชายหนุ่มที่ลงมือสังหารนายกรัฐมนตรีเลยหลบหนีลงมาในยานพร้อมน้องสาว ออกเทเวีย เบลค (Marie Avgeropoulos จากหนังเรื่อง 50/50, Tracers และ Jiu Jitsu) แวดล้อมด้วยตัวละครหลักที่เหลืออย่าง เรเวน เรเยส (Lindsey Morgan) สาวช่างเครื่องที่ติดตามลงมาเพราะแม่ของคลาร์กขอร้อง แต่ที่จริงเรเวนเป็นแฟนสาวของ ฟินน์ คอลลินส์ (Thomas McDonell จากหนังเรื่อง Fun Size)
โลกมนุษย์ในอีก 97 ปีถัดมาที่หนุ่มสาวทั้งร้อยลงมาเป็นพวกแรกหลังโลกเผชิญภัยนิวเคลียร์นั้น ดูเป็นโลกที่เขียวชอุ่มไปด้วยแมกไม้ อากาศบริสุทธิ์สดชื่นอย่างไม่น่าเชื่อ แต่มันก็เป็นข้อดีอย่างหนึ่งที่มันทำให้คนเขียนบทสามารถจะออกไอเดียอะไรได้มากมาย มากพอจะทำให้ยิ่งสร้างยิ่งออกทะเลอย่างใครเขาว่าได้อยู่เช่นเดียวกัน ดูหนังฟรี
โลกใบเดิมที่ปู่ย่าตาทวดเคยอาศัยอยู่ แต่เหล่าหลานๆ ไม่เคยคุ้น เมื่อลงมาพบว่า หายใจได้เต็มปอด เหมือนจะดีที่มีชีวิตอยู่ได้ แต่ก็ต้องผจญกับอุปสรรคมากมายหลายอย่าง ทั้งต้องฟาดฟันกับผู้คนหลากความคิดและนิสัยในกลุ่มด้วยกันเอง ก็ยังเจอกับพีซและสัตว์ที่กลายพันธุ์ ต้องไปเจอภัยธรรมชาติที่ไม่คาดคิด พบกับมนุษย์ที่อาศัยอยู่บนโลกที่พวกเขาเรียกว่า กราวเดอร์ ที่ก็ไม่ได้มีอยู่เผ่าพันธุ์เดียว แถมยังต้องเผชิญหน้ากับเหล่ามนุษย์ที่เหลือจากดิอาร์คที่จะตามลงมาอีกด้วย
ทำเอานั่งไม่ติดเลยสำหรับซีรีส์หรือนี้เพราะมันลุ้นระทึกซะเหลือเกินว่าผู้คนที่ถูกส่งลงไปจะเอาตัวรอดกันได้ยังไง แต่ก็ยังดีที่ว่าในเรื่องจะมีคนที่ born to be เป็นผู้นำ ก็ทำให้อะไรหลายๆ อย่างในการเอาตัวรอดของพวกเขาทั้ง 100 คนดีขึ้น แต่ก็ไม่ซะทีเดียวเพราะพออยู่ร่วมกันหลายคนก็ต่างมีแนวคิดกันคนละแบบ ส่วนตัวแล้วรู้สึกว่าในการเริ่มเรื่องค่อนข้างจะตื่นเต้นกันบ้างแต่มันสมจริงมากๆ เพราะนักเขียนคิดว่าไม่มีใครจะสงบใจได้หรอกถ้าถูกส่งไปที่โลกหลังเกิดนิวเคลียร์
และด้วยความที่ผู้คนที่ส่งไปเป็นเหล่าวัยรุ่นก็จะมีความคึกคะนองกันมากพอสมควร ซึ่งนักเขียนคิดว่าพวกเขาคงใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ แต่ว่าโลกที่มาอาศัยนั้นกลับมีสิ่งมีชีวิตบางอย่างอาศัยอยู่ด้วย นั้นทำให้นั่งไม่ติดกว่าเดิมเพราะว่าคาดเดาเรื่องอะไรไม่ได้เลยซึ่งจุดนี้แหละที่ทำให้ซีรีส์มันสนุกมาก
และที่สำคัญเลยตัวหลักของเรื่องก็ไม่ใช่น้อยในแต่ละ season ก็จะมีบุคคลเพิ่มขึ้นมาอีก เหมือนเป็น Signature ว่าแต่ละ season เหล่าวัยรุ่นที่ลงมาจะต้องเอาตัวรอดในวิถีที่แตกต่างทั้งคนต่างถิ่นบ้าง หรือสถานที่บ้าง แต่ก็อย่าลืมว่าเรายังมีคนจากบนสถานีอวกาศอีก นักเขียนรู้สึกได้เลยว่า ใช้ตัวละครได้คุ้มมาก นอกจากนั้นสิ่งที่ดึงความน่าดูของเรื่องคงหนีไม่พ้นปริศนาต่างๆ เกี่ยวกับเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นก่อนโลกโดนนิวเคลียร์ถล่ม ซึ่งทำเอาคาดไม่ถึงอยู่เหมือนกัน ดูหนังออนไลน์
ถ้าสังเกตกันก็อาจจะรู้สึกคุ้นๆ ชื่อของตัวละครหลายๆ ตัวในซีรีส์เรื่องนี้ต้องมีที่มาจากชื่อของนักแต่งนิยายวิทยาศาสตร์หลายๆ เรื่อง ไม่ว่าจะ คลาร์ก ที่มาจาก Arthur C. Clarke เวลส์ ที่มาจาก H.G. Wells ออกเทเวีย ที่มาจาก Octavia Butler และเบลลามี่ ที่มาจาก Edward Bellamy นัยว่าผู้เขียนก็คงอยากจะหยิบชื่อของพวกเขามาสดุดีไว้ในซีรีส์เรื่องเดียวกัน ส่วนตัวละครไหนในซีรีส์ที่ไม่ได้ตั้งชื่อตามนักแต่งนิยายวิทยาศาสตร์เลื่องชื่อก็คงจะเป็นเพราะมันไม่ได้อยู่ในหนังสือ แต่มีเฉพาะในซีรีส์เท่านั้น
ในส่วนตัวละครเอง ด้วยความที่เขาจับคนร้อยคนที่ลงไปอยู่ด้วยกันแบบนั้น ต่างคนก็ต่างความคิดต่างนิสัยใจคอ การจะรวมเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันมันย่อมยาก หลายครั้งก็มักจะเกิดเหตุไม่ทันคาดคิดให้เราได้ลุ้น แม้ตัวละครบางตัวจะสิ้นคิดไปบ้าง น่ารำคาญไปบ้าง ทำตัวไร้เหตุผลสิ้นดีในความคิดของเรา ผสมเคล้ารวมกับความที่ซีรีส์ก็ดูจะมีโปรดักชันในแบบซีรีส์ คือ มองเห็นว่ามันเป็นฉากที่จัดตั้งขึ้นมา ดูไม่สมจริงเท่าไหร่ ความสมเหตุผลบางจุดก็อาจจะชวนขัดใจไปบ้าง แต่เรื่องราวที่พลิกผันได้เรื่อยๆ
เพราะโครงเรื่องตั้งต้นมันเปิดกว้าง คนเขียนบทก็อาจจะใส่อะไรเข้ามาได้ตามใจนึก ก็ทำให้มันเป็นซีรีส์ที่แม้จะโปรดักชันไม่เจ๋งนัก และพฤติกรรมตัวละครชวนงุนงง ก็เรื่องราวที่ทั้งคาดถึงและคาดไม่ถึงก็พาให้ร่วมลุ้นไปกับมันได้อยู่