Transformers Rise of the Beasts (2023) ทรานส์ฟอร์เมอร์ส กำเนิดจักรกลอสูร ทรานส์ฟอร์เมอร์ภาคที่ 7 ได้ชื่อภาคแล้ว ออกมาเป็น Transformers: Rise of the Beasts และจากข้อมูลที่เปิดเผยออกมาจนถึงตอนนี้ ทำให้เราทราบว่าภาพยนตร์ภาคนี้จะเกิดขึ้นในช่วงปี 1994 อยู่ระหว่างภาพยนตร์เรื่องบัมเบิ้ลบี ซึ่งเกิดขึ้นในปี 1987 และมหากาพย์ของไมเคิล เบย์ นอกจากนี้แล้วยังมีการเปิดเผยด้วยว่า ฉากส่วนใหญ่ของภาพยนตร์จะเกิด
ขึ้นในย่านบรู๊กลิน และมีบางฉากที่ยกกองกันไปถ่ายทำถึงประเทศเปรูรวมทั้งการถ่ายทำที่โบราณสถาน Machu Picchu เพื่อเล่าเบื้องหลังที่เกี่ยวข้องกับชนเผ่าอินคาด้วย และจากชื่อภาคนี้เองก็พอจะทำให้เราสามารถเดาได้ว่า จะเป็นการดัดแปลงแอนิเมชั่น Beast Wars ออกมาเป็นภาพยนตร์ฉบับไลฟ์แอ็คชั่นนั่นเอง หลังจาก ‘Transformers’ (2007) ภาคแรกเข้าฉาย ในภาคต่อ ๆ มา มันก็ค่อย ๆ เปลี่ยนจากหนังสงครามหุ่นรบแอ็กชันมัน
ระเบิดตื่นตาในสไตล์ป๋า ไมเคิล เบย์ (Michael Bay) ผสมกลิ่นอายหนังครอบครัวฟีลกู้ดตามสไตล์ สตีเวน สปีลเบิร์ก (Steven Spielberg) กลายเป็นหนังหุ่นรบขายวิชวลเอฟเฟกต์ ขายระเบิดภูเขาเผากระท่อมวินาศสันตะโร แบบดาดดื่น กับมุกตลกล้น ๆ เลอะ ๆ ไร้เสน่ห์ ความไม่สมเหตุสมผลของตัวละคร และเส้นเรื่องยุ่บยั่บวุ่นวายจนไม่รู้จะจับเอาตรงไหนมาจำจริง ๆ จะมียกเว้นก็ ‘Bumblebee’ ที่มีอาการบทหลุด ๆ บ้าง แต่ก็ถือว่าดูได้แบบเพลิน ๆ ดูหนังฟรี ไม่มีโฆษณามากวนต้องที่ ดูหนังออนไลน์ดอทคอม
เว็บหนังเถื่อน แน่นอนแหละว่า ด้วยคำวิจารณ์ที่ไม่ดี แถมทุนสร้างที่สูงขึ้นในแต่ละภาค แต่ดันทำรายได้สวนทางตกเหว (ถึงแม้ว่าจะทำรายได้ให้ค่ายมากโขอยู่) ประกอบกับช่วงแถว ๆ นั้น เทรนด์หนังซูเปอร์ฮีโรก็กำลังขาขึ้นพอดี แฟรนไชส์หนังหุ่นตีกันชุดนี้ก็เลยขาขึ้น (มาก่ายหน้าผากบ้าง) อยู่นาน จนมาปีนี้แหละ อยู่ดี ๆ Paramount Pictures ก็ขุดแฟรนไชส์นี้ขึ้นมาปัดฝุ่นใหม่อีกครั้งในรอบ 6 ปี ใน ‘Transformers: Rise of the Beasts’
หรือ ‘ทรานส์ฟอร์เมอร์ส: กำเนิดจักรกลอสูร’ ที่ภาคนี้จะทำหน้าที่เป็นทั้ง Sequel หรือภาคต่อจากหนัง ‘Bumblebee’ และทำหน้าที่กึ่ง ๆ Hard Reboot รีเซตจักรวาลใหม่ที่จะมีเส้นเรื่องเป็นของตัวเอง ไม่ได้เกี่ยวข้อง และไม่ใช่ภาคต่อจากหนังจักรวาลป๋าเบย์ 5 ภาคแรกแต่อย่างใด‘Transformers: Rise of the Beasts’ ยังคงได้ 2 ป๋าผู้ให้กำเนิดและจุดความสำเร็จให้กับแฟรนไชส์นี้ในอดีต ทั้งสปีลเบิร์ก และป๋าเบย์ ที่ยังคงมานั่งแท่น
โปรดิวเซอร์ใหญ่ครับส่วนเก้าอี้ผู้กำกับ ได้แฟนเดนตายทรานส์ฟอร์เมอร์ สตีเวน เคเปิล จูเนียร์ (Steven Caple Jr.) ผู้กำกับหนังมวย ‘Creed II’ (2018) มานั่งแท่นรับหน้าที่ โดยในภาคนี้ แฟน ๆ ‘Transformers’ คงคุ้นอยู่แล้วแหละว่า ตัวหนังได้แรงบันดาลใจเรื่องราวเกี่ยวกับหุ่นจักรกลฟอร์มสัตว์ป่า จากแอนิเมชันสามมิติ ‘Beast Wars: Transformers’ (1996–1999) มาอยู่ในรูปแบบหนัง Live Action เป็นครั้งแรก
เรื่องราวของหนังเริ่มต้นในปี 1994 หลังจากเหตุการณ์ใน ‘Bumblebee’ ประมาณ 7 ปี ณ เมืองบรูกลิน นิวยอร์ก เมื่ออดีตพลทหารหนุ่มเชื้อสายลาติน โนอาห์ ดิแอซ (Anthony Ramos) ต้องการออกไปหางานทำเพื่อช่วยเหลือแม่ บรีนนา ดิแอซ (Luna Lauren Velez) และน้องชาย คริส ดิแอซ (Dean Scott) แต่ไปสมัครงานที่ไหนก็ไม่มีใครรับ วันหนึ่ง โชคชะตาพานายกระจอกอย่างเขาให้ไปพบกับ มิราจ (Pete Davidson) รถยนต์
Porsche 964 Carrera RS 3.8 สีเงินคาดแถบน้ำเงินสุดเฟี้ยว หนึ่งในหุ่นรบออโตบอตที่กบดานอยู่บนโลก ร่วมกับ ออปติมัส ไพรม์ (Peter Cullen) หุ่นรบหัวรถบรรทุกหัวลาก Freightliner FLA ปี 1987 หัวหน้าของกลุ่ม อาร์ซี (Liza Koshy) หุ่นรบสาวซิ่ง Ducati 916 และตะน้อนบัมเบิลบี Chevrolet Camaro สีเหลือง-ดำคนดีคนเดิม ที่กำลังหาหนทางกลับดาวไซเบอร์ทรอนในขณะเดียวกัน เอเลนา วอลเลซ (Dominique Fishback) นัก
โบราณคดีสาวผู้ทำงานในพิพิธภัณฑ์โบราณคดี ได้พบกับเบาะแสบางอย่างที่นำไปสู่สิ่งล้ำค่าที่เรียกว่า ทรานสวอป คีย์ (Transwarp Key) กุญแจที่สามารถพาไปยังมิติต่าง ๆ ได้ทั่วจักรวาล ฝั่งออโตบอตเองก็อยากได้เอาไว้พากลับไซเบอร์ทรอนบ้านเกิด แต่ฝั่งเทอร์เรอร์คอนส์ผู้ชั่วร้าย ก็ต้องการกุญแจนี้ เพื่อให้ยูนิครอน (Coleman Domingo) สิ่งมีชีวิตโคตรมหึมา ใช้เดินทางเพื่อไปกลืนกินดาวทั่วทั้งจักรวาลได้ด้วยเช่นกัน จึงได้ส่งสเกิร์จ
(Peter Dinklage) ลิ่วล้อจอมโหดมาตามไล่ล่า ในขณะที่แอเรเซอร์ (Michelle Yeoh) หุ่นรบอินทรี ตัวแทนของเผ่าแม็กซิมัล ก็ได้พาเหล่าออโตบอต รวมทั้งโนอาห์ และเอเลนา มาพบเจอกับเหล่าแม็กซิมัลรุ่นสุดท้ายที่ลี้ภัยมายังโลก อาศัยอยู่ในป่าแถบประเทศเปรู เพื่อหวังจับมือร่วมกันตามหาทรานสวอป คีย์ และปกป้องโลกก่อนที่จะโดนยูนิครอนกลืนกิน เว็บดูหนังเถื่อน ต้องที่ ดูหนังออนไลน์ฟรีดอทเน็ต
ดูหนังเว็บเถื่อน ไม่ว่าจะเรียก ‘Rise of the Beasts’ ว่าเป็นภาคต่อของ ‘Bumblebee’ หรือจะมองมันว่าเป็น Soft Reboot ด้วยการหยิบเอาองค์ประกอบเดิมมาเล่าผ่านตัวละครใหม่เหมือนตอนสมัยภาค 4 และภาค 5 หรือจะมองว่ามันเป็น Hard Reboot ที่ตั้งใจจะวางเส้นทางเพื่อหลีกห่างจากจักรวาลป๋าเบย์ ด้วยการวางเส้นเรื่องทั้งหมดเป็นของตัวเองก็ตามที และเอาเข้าจริง ว่ากันตามตรง ตัวหนังภาคนี้ก็ยังคงใช้โครงสร้าง วิธีคิด กลิ่นอาย วิธี
การเล่าเรื่องและฟอร์แมตบางอย่างจากจักรวาลป๋าเบย์ ตกทอดมาอยู่ในภาคนี้มาแบบเต็ม ๆ และหลายคนดูแล้วก็คงนึกถึงภาคแรกไม่น้อยแหละ เพราะภาคนี้ก็เรียกได้ว่าแทบจะหยิบยืมเส้นเรื่องและวิธีเล่าในแบบภาคแรกมาใช้เลย โดยเฉพาะธีมเด็กชายกับสิ่งมีชีวิตประหลาด ที่ชวนให้นึกถึง E.T. ล้าน ๆ เปอร์เซนต์ เพียงแค่ไม่มีสาวเซ็กซี่แล้วเท่านั้นเอง อีกจุดที่ผู้เขียนคิดว่าหลายคนก็คงรู้สึกไม่น้อยกับภาคนี้แน่ ๆ แหละ ก็คือบรรดาฉากแอ็
กชันครับซึ่งเอาเข้าจริงภาคนี้มันก็ยังคงมีความเป็น Bayhem หน่อย ๆ ตามอิทธิพลโปรดิวเซอร์นั่นแหละ แต่สิ่งที่ต่างอย่างเห็นได้ชัดคือ ภาคนี้เป็นหนังสเกลกลาง ๆ ที่ไม่ได้เน้นหวือหวาแบบระเบิดเขาเผากระท่อมแล้ว โดยเฉพาะฉากแอ็กชันตอนไคลแม็กซ์ ที่ถือว่าทำได้สนุกและตื่นตา เพียงแต่ว่าอาจจะไม่ได้มีฉากอลังการ หรือมีมุมกล้อง-ตัดต่อหวือหวาเท่าของป๋าเบย์ ถ้าใครชอบความอลังการแบบทะลุตึก ระเบิดรถ ก็อาจจะรู้สึกว่ามันจืดไป
หน่อยแต่ถ้าใครพึงใจกับเรื่องราวในแบบไม่ต้องเน้นแอ็กชันหวือหวา มีกลิ่นอายความเป็นหนังซูเปอร์ฮีโรหน่อย ๆ แค่นี้ก็ถือว่าตื่นตาและเร้าใจกว่าฉากแอ็กชันใน ‘Bumblebee’ มาก ๆ แล้วล่ะ แม้ภาคนี้จะแอบเห็นบางซีนที่ CGI ไม่ค่อยเสถียร เดี๋ยวดีเดี๋ยวหลุดบ้าง แต่ก็ถือว่าพอยอมรับได้นะ ทางเว็บของเราก้ได้มีหนังใหม่ อย่างเรื่อง Ride On (2023) ควบสู้ฟัด เต็มเรื่อง ให้ได้รับชมฟรี
ภารกิจการตามหาสิ่งของล้ำค่าของไซเบอร์ทรอเนียน เพียงแต่ว่าภาคนี้มีการเพิ่มบทให้มนุษย์เข้าไปมึส่วนร่วมกับภารกิจมากขึ้นอย่างชัดเจน ไม่มีทหารหรือกองทัพมาคอยยุ่มย่ามแล้วก็ไม่พยายามทำให้ออโตบอตมีความเก่งขั้นเทพเหมือนภาคก่อน ๆ ด้วย แต่มีเส้นเรื่องที่ทำให้ออโตบอตรู้จักแพ้เป็น มีปมฝังใจ มีช็อตที่หมดหวังแบบขั้นสุด ทำให้ตัวหนังมีกลิ่นอายหนังแอ็กชันผจญภัยล่าสมบัติสูตรสำเร็จแบบ
‘Indiana Jones’ ที่ซัดกันด้วยเส้นเรื่องและแอ็กชันแบบตรง ๆ เน้น ๆ และมีพาร์ตดราม่าที่เดาไม่ยาก เน้นดูสนุกเพลิน ๆ ไม่มีเส้นเรื่องรองผีบ้าผีบอ ไม่มีอาการตัดต่อเวียนหัว ดูไม่รู้เรื่องว่าใครตีกับใครเหมือนภาคก่อน ๆแต่ก็จะมีจุดสังเกตเรื่องบทอยู่พอสมควรเหมือนกันนะครับ จุดที่ผู้เขียนมองว่าหนังภาคนี้ยังทำได้ไม่รัดกุมมากพอก็คือ การปูเรื่องความสัมพันธ์ทั้ง คน-คน, คน-หุ่นยนต์ และหุ่นยนต์-หุ่นยนต์ ที่จะลากเข้าไปสู่ปมดราม่าที่ในหนัง
ปูทางเอาไว้ และช่วยเข้ามาเติมให้หนังดูมีความรู้สึก มีหัวใจมากขึ้น ไม่แข็งทื่อเหมือนหนังป๋าเบย์ โดยเฉพาะคู่หู โนอาห์-มิราจ ที่เป็นตัวเติมสีสันให้หนังสนุกและน่ารักขึ้นเป็นกอง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า ความยาว 2 ชั่วโมงนิด ๆ มันก็ทำให้หนังมันสั้นเกินกว่าจะปูเรื่องความสัมพันธ์ในแบบเชิงลึกของแต่ละตัวละคร และความสัมพันธ์ในรูปแบบต่าง ๆ ให้คนดูรู้สึกอินและอิ่มเอมได้หมดจดเทียบเท่ากับ ‘Bumblebee’ ที่มีความน่ารักและทัชใจมา
กกว่า กลายเป็นมวลบรรยากาศความสัมพันธ์แบบบาง ๆ ที่ไม่ได้ชวนให้เข้าถึงพาร์ตดราม่าได้เต็มที่มากนักหลังเรื่องราวในภาคบัมเบิ้ลบี เซ็ตเล่าเรื่องราวในปี 1987 มาคราวนี้ กำเนิดจักรกลอสูร เลือกจะเล่าเรื่องในปี 1994 เช่นเคยที่มนุษย์ทั้งหลายไม่เคยล่วงรู้เลยว่า เผ่าพันธุ์เอเลี่ยนอย่างออโต้บอทนั้นกบดานอยู่อาศัยบนโลกนี้มาอย่างยาวนานนับได้หลายศตวรรษ แต่ดูเหมือนว่า ภัยคุกคามที่พวกเขาหลบหนีมานานนั้นจะตามหาพวกเขาเจอจนได้ ซึ่งมันจะส่งผลให้มนุษยชาติต้องเดือดร้อนหนักแน่ๆ เว็บหนังเถื่อน หนังใหม่ หนังออนไลน์ ต้องที่นี่ เท่านั้น
เว็บเถื่อนดูหนัง แม้จะสัมผัสได้ว่า เรื่องราวของหุ่นยักษ์เอเลี่ยนที่มาแอบกบดานบ้าง ก่อความวุ่นวายบนโลกบ้าง ก็ยังคงอยู่เช่นเดิม ตามที่หนังทรานส์ฟอร์เมอร์สเคยเป็นมา แต่ก็ต้องยอมรับว่า การปรับแก้บางอย่างในหนังเรื่องนี้ ทำให้มันดูดีขึ้นผิดหูผิดตาเช่นกันหลังเริ่มต้นนับหนึ่งกันใหม่ ด้วยตัวละครที่ผู้คนหลงรักอย่าง ‘บัมเบิ้ลบี’ สร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับแฟรนไชส์ พาเรื่องราวที่เข้ารกเข้าพงให้กลับมาเข้าที่เข้าทาง ก็ได้เวลาลุยกันต่อ
ด้วยหุ่นเหล็กโขยงใหญ่ ที่แฟนเดนตายของแฟรนไชส์นี้ชื่นชอบ นอกจากดึงเอาตัวละครเก่าที่คนส่วนใหญ่คุ้นเคยอย่าง ออฟติมัส ไพรม์ กลับมาปัดฝุ่น เพิ่มพูนด้วยตัวละครใหม่ฝ่ายออโตบอทและก็ยังมีตัวละครที่ใหม่กว่า อย่างเหล่าเดอะบีสต์เผ่าพันธุ์ “แมกซิมอลส์” เข้ามาเพิ่มเติม และสิ่งที่พวกหลังกระทำนั้น ส่งผลต่อโลกมนุษย์อย่างมหาศาลสิ่งที่ทำให้หนังภาคนี้ มีความน่าสนใจ ก็คือ การเล่าเรื่องในพาร์ทของตัวละครมนุษย์ หลังจากที่
ผ่านมา พวกเขาไม่ค่อยมีบทบาทที่หนักแน่นเท่าไหร่นัก พอได้โอกาสสร้างใหม่ คนเขียนบทและผู้กำกับเลือกให้ตัวละคร(มนุษย์)หลักเป็นหนุ่มเชื้อสายลาติน กับสาวผิวสี สร้างสีสันที่แปลกแตกต่างออกไป แถมยังใส่เรื่องราวชีวิตของพวกเขาลงไปในหนัง พร้อมกับทำให้พวกเขาไม่ได้เป็นแค่ตัวเกะกะในสงครามของหุ่นยักษ์ หากยังมีส่วนร่วมจนกลายเป็นสิ่งใหม่ที่ชวนตื่นตาสำหรับแฟนหนังชุดนี้แม้ในมุมมองของคนทั่วไป อาจจะรู้สึกว่า ตัว
ร้ายของภาคนี้ มันดูยิ่งใหญ่เกินเบอร์ไปมาก ตัวโตกว่าดวงดาวและสามารถเขมือบกลืนดาวเคราะห์เป็นอาหารได้ แต่กลับพึ่งพาลูกกระจ๊อกคอยช่วยเหลือ แต่ถ้าตัดแง่มุมเชิงตรรกะทิ้งไป สนใจแต่เรื่องการดำเนินเรื่อง ก็ยังพบว่าทุกอย่างคงดำเนินไปตามสูตร ส่วนตัวมองว่า หนังเดินได้ไม่เลว แม้ไม่ใช่ฝีมือของ Michael Bay (ผู้ที่เลื่อนตัวเองไปเป็นโปรดิวเซอร์ของหนัง) ก็ยังเอาอยู่
การกลับมาของภาพยนตร์แอ็คชั่นสุดอลังที่ครองใจผู้ชมภาพยนตร์ทั่วโลกกับภาพยนตร์เรื่อง Transformers: Rise of the Beasts ทรานส์ฟอร์เมอร์ส : กำเนิดจักรกลอสูร จะพาผู้ชมตื่นตาตื่นใจกลับไปในการผจญภัยรอบโลกในยุคทศวรรษ 90 กับเหล่าออโตบ็อตส์ และขอแนะนำสายเลือดใหม่ของทรานส์ฟอร์เมอร์ส “แม็กซิมัลส์” ในการต่อสู้บนโลกระหว่างออโตบ็อตส์และดีเซ็ปติคอนส์
ภาพยนตร์ Transformers: Rise of the Beasts ทรานส์ฟอร์เมอร์ส : กำเนิดจักรกลอสูร กำกับโดย สตีเวน เคเพิล จูเนียร์ เขียนบทโดย โจบี ฮาโรลด์ และดาร์เนลล์ เมเทเยอร์ & จอช ปีเตอร์ส์ และเอริช โฮเบอร์ & จอน โฮเบอร์ เรื่องโดย โจบี ฮาโรลด์ สร้างจาก แอ็คชั่นฟิกเกอร์ส์ทรานส์ฟอร์เมอร์สของฮาสโบร อำนวยการสร้างโดย ลอเรนโซ ดิ โบนาเวนทูรา, ทอม ดีซานโต & ดอน เมอร์ฟีย์, ไมเคิล เบย์, มาร์ค วาห์ราเดียน และดันแคน เฮนเดอร์สัน บริหารงานสร้างโดย สตีเวน สปีลเบิร์ก, ไบรอัน โกลด์เนอร์, เดวิด เอลลิสัน, ดานา โกลด์เบิร์ก, ดอน แกรนเจอร์, ไบรอัน โอลิเวอร์, แบรดลีย์ เจ.ฟิชเชอร์, วาเลรี อัน
ชื่อเรื่อง Transformers: Rise of the Beasts ทรานส์ฟอร์เมอร์ส: กำเนิดจักรกลอสูร
ประเภท แอคชั่น / ไซไฟ / ผจญภัย
นำแสดงโดย แอนโทนี รามอส, โดมินิก ฟิชแบ็ก, ปีเตอร์ ดิงค์เลจ
กำกับโดย สตีเวน เคเปิล จูเนียร์
กำหนดฉาย 7 มิถุนายน 2023
ความยาว 117 นาที