The Last Recipe สูตรลับเมนูยอดเชฟ
อีกหนึ่งภาพยนตร์จากประเทศญี่ปุ่น ที่มีเนื้อหาน่าสนใจ น่าติดตามอย่างมาก ดูหนังเอเชีย ซึ่งออกฉายในประเทศญี่ปุ่นเมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายน 2017 หนังฟรี และมีการนำมาฉายในบ้านเราด้วย ซึ่งลิขสิทธิ์การฉายนั้นเป็นของ สหมงคล โดยเข้าฉายในโรงภาพยนตร์เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2018 ดูหนังออนไลน์ สำหรับใครที่ไม่เคยชมภาพยนตร์ญี่ปุ่น หรือ ภาพยนตร์เรื่องนี้มาก่อน อยากจะให้เปิดใจรับชม มีเรื่องราวน่าติดตามแฝงไปด้วยแง่คิดดีๆ เนื้อหากระชับ ดูหนังฟรี เดินเรื่องไม่ยืดเยื้อ มีจุดน่าสนใจตั้งแต่นาทีแรกจนถึงนาทีสุดท้ายของหนังเลยทีเดียว
หนังญี่ปุ่นแนวซึ้งอบอุ่นเรื่องเด่นประจำปีนี้อีกหนึ่งเรื่องเลยทั้งยังเป็นการกลับมาครั้งใหม่ของผู้กำกับรางวัลออสการ์สาขาต่างประเทศจากเรื่อง Departures (2008) อย่าง โยจิโร่ ทาคิตะ สมทบด้วยนักแสดงมือฉมังมากมายตั้งแต่ นิโนะมิยะ คาซึนาริ แห่งวงอาราชิ ที่เคยมีผลงานหนังชิงออสการ์อย่าง Letters from Iwo Jima (2006), นิชิจิมะ ฮิเดโตชิ จาก Creep (2016), อายะโนะ โกะ จาก Ajin (2017) และสาวสวย มิยาซากิ อะโอะอิ จาก If Cats disappeared from the world (2016) ด้วย
อาจไม่ใช่แนวคู่รักความรักหนุ่มสาวตามกระแสนิยม แต่ต้องบอกว่าหนังเล่าความสัมพันธ์ระหว่างคนในครอบครัว และคนร่วมอาชีพได้อย่างอิ่ม จุก อุ่น ด้วยโปรดักชั่นคุณภาพสูงมาก ๆ อันจะเห็นได้จากงานภาพ และบทภาพยนตร์ที่ ฮายาชิ ทามิโอะ มือเขียนบทหนังขวัญใจผู้ชมอย่าง Fish Story (2009) และ Let’s Go JETS (2017) ได้ดัดแปลงนิยายชื่อดังของ ทานากะ เคอิจิ มาอย่างเฉียบคม ล่อหลอก และผสมผสานจุดเด่นของหนังหลายสไตล์ ทั้งแนวครอบครัว แนวสืบสวนสอบสวน แนวอิงประวัติศาสตร์ และแนวอาหารมารวมกันได้อย่างลงตัวมาก ๆ จนเป็นลายเซ็นเฉพาะตัวของหนังที่คงหาเรื่องไหนหลังจากนี้มาเลียนแบบได้ยาก
การตามหาเมนูสูตรลับที่หายไปกว่า 70 ปี ซึ่งจะเชื่อมโยงกับปมชีวิตของ Mitsuru Sasaki ซึ่งเป็นเชฟ ที่มีความมั่นใจในตัวเองสูง เคยเปิดกิจการร้านอาหารแต่ก็ล้มเหลว เพราะความอีโก้จัดของตัวเอง จนหันมาเป็นเชฟรับงานพิเศษ นั่นคือทำอาหารมื้อสุดท้ายให้กับผู้ว่าจ้างที่ใกล้จะตาย โดยการตามหาเมนูลับที่ว่านี้ เขาถูกว่าจ้างจากชายชราที่เป็นเชฟดังของเมืองจีน ต้องการตามหาเมนูลับที่หายไปและจะต้องเป็น Mitsuru Sasaki เท่านั้นที่จะต้องตามหาเมนูนี้ แลกกับค่าจ้าง 50 ล้านเยน และนั่นคือจุดเริ่มต้นของเรื่องราว ที่จะทำให้คุณสนุกไปกับภาพยนตร์เรื่อง The Last Recipe
ซาซากิ มิตสึรุ (นิโนมิยะ ) เชฟหนุ่มอัจฉริยะผู้มีลิ้นเทพสามารถจดจำรสอาหารที่เคยทานได้อย่างแม่นยำและสามารถปรุงเลียนแบบได้อย่างถูกต้อง เขามีปมที่ถูกพ่อแม่ทิ้งตั้งแต่เด็กและยังหนีครูใหญ่ผุ้มีพระคุณออกจากสถานสงเคราะห์ตั้งแต่วัยรุ่นเพราะถูกสั่งห้ามไม่ให้ทำอาหาร เมื่อฝึกฝนจนเปิดร้านอาหารร่วมกับเพื่อน (อายะโนะ) ที่หนีมาด้วยกันได้ แต่ด้วยพรสวรรค์ของเขาทำให้เขาเป็นคนที่ต้องการความสมบูรณ์แบบในอาหาร และทำลายความสัมพันธ์กับคนรอบข้างโดยไม่รู้ตัว ซึ่งเกิดจากปมไม่ไว้วางใจผู้อื่นตั้งแต่เด็กด้วย นั่นทำให้ร้านอาหารของเขาต้องปิดตัวลงและเป็นหนี้ก้อนใหญ่หลายสิบล้านเยน เขาแบกภาระหนี้ไว้ทั้งหมดและทิ้งศักดิ์ศรีพ่อครัวมาเป็นเป็น เชฟอาหารมื้อสุดท้าย ผู้ที่จะทำอาหารในความทรงจำให้กับผู้ที่อยากทานรสมือในความทรงจำเป็นครั้งสุดท้าย และสามารถว่าจ้างเขาได้ในราคาที่สูงมาก ๆ
แล้ววันหนึ่งเขาก็ได้รับการว่าจ้างจากบุคคลปริศนาให้ไปเมืองจีน เพื่อทำอาหารในตำนานที่สาปสูญไปแล้วของพ่อครัวชาวญี่ปุ่นที่มาทำงานในแมนจูเรียนเมื่อปี 1933 นามว่า ยามากาตะ นาโอะทาโระ (นิชิจิมะ) โดยผู้ว่าจ้างเขาก็เป็นถึงผู้ทรงอิทธิพลของวงการอาหารจีนนามว่า หยาง ด้วยเหตุนี้ ซาซากิจึงต้องเดินทางสืบรอยทางของอดีตพ่อครัวผู้ยิ่งใหญ่ผ่านผู้คนมากมายที่เคยติดตาม เพื่อทำชุดอาหารนี้ขึ้นมาใหม่อีกครั้ง และนั่นก็คือจุดเริ่มต้นของการเรียนรู้อะไรบางอย่างสำหรับซาซากิ และผู้ชมอย่างเราด้วย
หนังบอกเล่าเรื่องราวสลับกันไปมาสองยุค คือยุคปัจจุบันที่เล่าถึงเรื่องราวของ ซาซากิ เชพหนุ่มพรสรรค์สูงเจ้าอารมณ์ที่ชีวิตกำลังเคว้งคว้างไร้จุดหมาย กับยุคที่ญี่ปุ่นยึดครองแมนจูเรียดินแดนที่คาบเกี่ยวระหว่าง จีนกับรัสเซีย โดยตั้งชื่อว่า สาธารณรัฐแมนจูกัว มี 5 ชนชาติใหญ่ในพื้นที่ตะวันออกอาศัยอยู่ร่วมกันคือ ชาวแมนจู, ชาวญี่ปุ่น, ชาวจีนฮั่น, ชาวมองโกล และชาวเกาหลี นอกจากนี้ยังมี ชาวเซียนเปย์ กับ ชาวยิว จากยุคตะวันตกที่หลั่งไหลกันเข้ามาตั้งรกราก พร้อมถ่ายทอดเรื่องราวของ นาโอะทาโร พ่อครัวอันดับหนึ่งของวังหลวงญี่ปุ่นกับภรรยาที่ถูกส่งตัวมาทำภารกิจรังสรรค์สุดยอดตำรับอาหารของโลกเพื่อถวายองค์พระจักรพรรดิของประเทศญี่ปุ่น โดยเขาต้องสร้างเมนูอาหารถึง 112 เมนู เพื่อเอาชนะ หมานฮั่นฉวนสี สุดยอดตำรับอาหารจีนฮองเต้ที่มี 108 เมนู สิ่งที่ ซาซากิ กับ นาโอะทาโร มีเหมือนกันก็คือ การเป็นชายผู้มีลิ้นกิเลน สามารถจดจับรสชาติอาหารได้อย่างขึ้นใจ
โยจิโร่ ทาคิตะ ผู้กำกับไม่ได้นำประเด็น อาหารมื้อสุดท้าย และความตายมาขยี้เหมือนตอนกำกับ Departures แต่ตำรับอาหารสุดท้ายในความหมายของเขา หมายถึงความทรงจำที่หล่นหายไปจากรุ่นสู่รุ่น โดยเชื่อมโยงเข้ากับเหตุการณ์จริงในประวัติศาสตร์อันขมขื่นระหว่างประเทศจีน กับประเทศญี่ปุ่นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 หลายๆ ด้านไม่ว่าจะเป็น มุมอาหาร การเมือง วิถีชีวิต แนวคิด และวัฒนธรรม
ส่วนประเด็นคู่ขนาน คือเรื่องของหัวใจของการเป็นเชฟ การทุ่มเทให้กับการทำงานเพื่อความฝัน ความสัมพันธ์ของครอบครัว และมิตรภาพต่างเชื้อชาติ ซึ่งทั้งหมดนี้นำเสนอออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม ลึกซึ้ง กินใจ โดยเฉพาะบทสรุป อย่างการเปิดเผยความลับในช่วงท้ายที่รับรองว่าคนดูต้องเซอร์ไพรส์ ขณะเดียวกันในพาร์ทพีเรียด การจำลองโลเคชั่นในยุคนี้ให้กลายเป็นเมืองฮาร์บินของประเทศจีนในปี 1930 ถือว่าโปรดักชั่นทำได้สมจริงมาก รวมถึงเรื่องเครื่องแต่งกาย และอุปกรณ์ประกอบฉากต่างๆ การถ่ายทอดภาพใช้สีโทนอบอุ่นสวยงามตามสไตล์ภาพยนตร์ญี่ปุ่น
การได้นักแสดงชั้นนำของวงการญี่ปุ่นมาร่วมแสดง โดยเฉพาะ Kazunari Ninomiya หนึ่งในสมาชิกวงอาราชิ ที่มีฝีไม้ลายมือทางการแสดง ถือว่าจัดจ้านอยู่พอสมควร แต่สำหรับเรื่องนี้บทของเขานั้น จะอยู่ที่ 20% ของเนื้อหาเท่านั้น แต่ใน 20% นั้นก็ถือว่าทำได้ตามมาตรฐาน เรียกว่าแสดงเหมือนไม่แสดงและยังรวมถึงนักแสดงตัวหลักคนอื่น ๆ ที่ต้องบอกเลยว่าฝีมือดีกันทุกคน เพราะแต่ละตัวละคร แต่ละบทของนักแสดงนั้นจะทำให้คุณอินไปกับเนื้อหาได้ไม่ยาก และนี่ก็ถือว่าเป็นประเด็นแรกที่ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้น่าสนใจ
การเดินเรื่องที่กระชับไม่ยืดเยื้อ หลายคนไม่ค่อยชอบดูภาพยนตร์ญี่ปุ่น เพราะเกรงว่าเนื้อหาจะค่อนข้างเนือย หรือไม่เข้าใจในบางช่วงบางตอน แต่สำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ขอบอกเลยว่าจะทำให้คุณเพลินตลอด 126 นาทีเต็ม
มุมกล้องสวย เป็นอีกหนึ่งจุดที่เราได้เห็นจากการรับชมภาพยนตร์เรื่องนี้ ต้องบอกเลยว่าการให้โทนสี การให้แสง และการจัดมุมกล้อง องค์ประกอบต่าง ๆ ในแต่ละซีนทำได้สวยทำให้ภาพออกมา ดูมีเสน่ห์ มีมิติ และทำให้เนื้อหาน่าสนใจมากขึ้น
การวางปมต่างๆในเนื้อหา แนบเนียนเลยทีเดียว ต้องบอกเลยว่าพลาดไม่ได้เลยสักซีน เพราะเนื้อหาจะมีความเกี่ยวข้องกันระหว่าง พาร์ท ปัจจุบันและอดีต ที่เป็นการเล่าเรื่องที่มาที่ไปของสูตรลับ ที่ตัวเอกจะต้องเดินทางตามหา และ ต้องพบเจอกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับมนูนี้ เพื่อค้นหาว่าสูตรลับนั้นคืออะไร
คำพูดที่เป็นสัญลักษณ์ ที่จะทำให้คุณเชื่อมโยงเรื่องราวต่าง ๆได้สนุกขึ้น จุดนี้ภาพยนตร์เรื่องนี้ทำได้ค่อนข้างดี มีการใช้คำ keyword ที่หากคุณดูแล้วจะต้องสงสัยว่าใช่หรือไม่ และคำต่าง ๆ เหล่านั้นก็จะ มาเฉลยให้คุณในตอนท้ายของภาพยนตร์ ซึ่งถือว่า เป็นอีกหนึ่งความสนุก ที่ทำให้เราได้ลุ้นไปกับการตามหาสูตรลับพร้อมกับตัวละคร
การวางเนื้อหาในแต่ละพาร์ท เนื้อหาในช่วงที่เล่าถึงที่มาที่ไปของสูตรลับที่ตามหานั้น เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์บางช่วงบางตอนของสงครามระหว่างญี่ปุ่นและจีน ถือว่าทำได้ดีไม่เจาะลึกในประวัติศาสตร์ แค่เล่าถึงความเกี่ยวเนื่องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในภาพยนตร์เท่านั้น แต่ก็ทำให้เนื้อเรื่องสมบูรณ์มากขึ้น
การเฉลยปมต่าง ๆ ที่น่าสงสัยตั้งแต่ตอนแรกจนถึงช่วงท้ายเ รื่องทำได้ละเอียดในการสรุปเรื่องราว แม้ว่าอาจจะดูหักมุมเล็กน้อย แต่ก็เป็นไปอย่างมีเหตุและผล
แง่คิดดีๆที่แฝงมาในเนื้อหา ผ่านความรู้สึกของตัวละครแต่ละตัว ที่บอกเล่าเรื่องราวในแต่ละช่วง รวมถึงปมของตัวเอกที่จะต้อง ยอมรับในสิ่งที่เคยเกิดขึ้นมา และยอมรับกับสิ่งที่เจออยู่ในปัจจุบัน การปรับเปลี่ยนทัศนคติ ปรับเปลี่ยนมุมมอง ผ่านการบอกเล่าในแต่ละช่วง เหมือนกับการสอนให้เรามองชีวิตในอีกมุมหนึ่ง
เป็นภาพยนตร์ญี่ปุ่นอีกหนึ่งเรื่อง ที่อยากจะให้รับชมกันจริง ๆ เพราะมีอะไรน่าสนใจมากมาย สามารถต่อยอดความรู้ หากคุณสนใจ เรื่องราวที่เป็นประเด็นหลักในเนื้อหาไม่ว่าจะเป็น เมนูสูตรลับที่อยู่ในภาพยนตร์ที่มีการพูดถึง หรือ แง่คิดต่าง ๆ ที่มีในภาพยนตร์ บอกเลยว่า 126 นาทีของหนังจะทำให้คุณได้อะไรหลาย ๆ อย่างนอกจากความสนุก