Super Me ยอดมนุษย์สุดโต่ง
ชายที่รวยข้ามคืนเพราะสามารถนำเอาวัตถุออกจากความฝันได้ หลายคนน่าจะเคยฝันดีเป็นอย่างมากไม่ว่าจะเป็นการถูกรางวัลที่ 1 ได้ซื้อบ้าน ซื้อรถ ดูหนังเทพนิยาย ซื้อของที่ต้องการทุกอย่าง สามารถใช้เงินได้ตามต้องการโดยที่ไม่ต้องกังวลอะไร เป็นความฝันที่ดีเสียจนบางครั้งเราก็ไม่อยากจะตื่นขึ้นมาเผชิญความจริงเลยแม้แต่น้อย หนังฟรี เพราะในปัจจุบันนี้เงินทองเป็นของหายาก ยิ่งด้วยเศรษฐกิจในปัจจุบันยิ่งทำให้เรื่องเครียดใหญ่ของเรากลายเป็นเรื่องเงินไปโดยปริยาย
ดังนั้นนางคงจะดีไม่น้อยหากเรานั้นสามารถนำเอาวัตถุที่อยู่ในความฝันของเราออกมาในโลกแห่งความเป็นจริงได้ อย่างเช่นหากเราฝันถึงทองคำแท่ง ดูหนังออนไลน์ เราก็สามารถดึงเอาทองคำแท่งนั้นออกมากลายเป็นของจริงในโลกแห่งความเป็นจริงได้ การรวยข้ามคืนก็ไม่จำเป็นที่จะต้องรอการถูกรางวัลที่ 1 อีกต่อไป ดูหนังฟรี
เรื่องราวของนักเขียนบทคนหนึ่งที่ชีวิตเหมือนจะแย่ลงเรื่อย ๆ เพราะฝันร้ายยามหลับตาลง ทำให้ซางหยูนอนไม่ได้เกือบครึ่งปี มันส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจและชีวิตประจำวันของเขาอย่างมาก ในขณะนั้นซางหยูก็ได้วิธีที่สามารถทำให้หลุดออกจากฝันร้ายได้ และในเวลาเดียวกัน วัตถุโบราณในฝันที่เขาจับตอนปะทะกันก็ดันทะลุตามเขาออกมาในชีวิตจริง วัตถุมีค่าเหล่านี้ได้เปลี่ยนชีวิตเขาให้ดีขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ยิ่งซางหยูถลำลึกลงไปอีกเท่าไหร่ อุปสรรคที่เจอยิ่งหนักขึ้นเรื่อย ๆ
ซางหยู นักเขียนบทภาพยนตร์ที่มีชีวิตตกต่ำ อันเนื่องมาจากที่เขาต้องเผชิญความผิดปกติไม่สามารถนอนหลับได้ ทุกครั้งที่หลับ จะฝันร้าย ว่ามีปีศาจความฝันไล่ฆ่าทุกครั้ง มันเหมือนจริง และมันก็ยังเจ็บจริง แล้วมันก็หนักหน่วงถึงขั้นที่ว่า แม้ว่าในเวลายามตื่น ก็ไม่สามารถแยกความจริงกับจินตนาการได้แล้ว ไม่ว่าจะไปพบจิตแพทย์คนไหนก็ตามก็ไม่มีใครสามารถช่วยเขาได้
ซางหยูเขียนบทไม่ได้ ถูกไล่ออกจากห้องเช่า ไม่มีเงินซื้อข้าวกิน จนตรอก จนท้ายที่สุดก็คิดฆ่าตัวตาย แต่ชายแก่ขายอาหารก็มาช่วยเขาไว้ แล้วพูดให้เขาเปลี่ยนทัศนคติเกี่ยวกับความฝันร้าย เพราะต่อให้คนเราฝันว่าตายสักกี่ครั้งสุดท้ายก็ตื่นขึ้นมาอยู่ดี “ฉันกำลังฝัน”
เมื่อซางหยูปรับเปลี่ยนทัศนคติเกี่ยวกับความฝันร้ายของตัวเองได้ เขาก็สามารถหยิบบางสิ่งบางอย่างจากความฝัน ออกมาในโลกของความเป็นจริงได้ ซางหยูนำไปขายได้เงินมหาศาล เป็นมหาเศรษฐีที่ไม่อาจคำนาณทรัพทย์สินได้
ซึ่งเรื่องราวของซางหยูจะเป็นยังไงต่อไป สามารถรับชมต่อได้ทาง Netflix
ชางหยู เขาเป็นนักเขียนที่ไม่ค่อยมีรายได้ แต่นั่นยังดูสวยไม่พอเพราะเขานั้นมักจะต้องฝันร้ายอยู่เป็นประจำ ในฝันของเขาจะมีตัวประหลาดหน้าตาน่ากลัวคอยไล่ล่าตามเอาชีวิตเขาในทุกคืน ฝันร้ายนี้ได้ตามหลอกหลอนจนทำให้เขาคิดอะไรไม่ออกและมันก็ส่งผลกระทบถึงงานเขียนของเขาในที่สุด ไม่เพียงเท่านั้นมันยังส่งผลกระทบต่อสุขภาพเพราะทำให้เขานอนไม่หลับจากความกลัวฝันร้าย ทำให้เขานั้นใกล้ที่จะเป็นบ้าเต็มทน
ด้วยปัญหารุมเร้ามากมายทำให้ในวันหนึ่งเขาก็ตัดสินใจที่จะจบชีวิตของตัวเอง แต่เขาก็ได้พบกับชายแก่คนหนึ่งที่ขายขนมรถเก๋งข้างทางบอกว่าให้เขาทดลองวิธีการตื่นก่อนฝันร้ายให้ได้ก่อนที่สัตว์ประหลาดจะฆ่าเขา ในคืนนั้นเขานอนหลับไปด้วยความตื่นเต้นและพยายามที่จะทำตามคำแนะนำของใช้แก่ผู้นั้น และเขาก็ทำมันสำเร็จแถมยังได้รู้อีกด้วยว่าตัวเองนั้นมีพลังพิเศษในการหยิบเอาของในฝันมายังโลกแห่งความเป็นจริง
นั่นทำให้เขาได้ครอบครองวัตถุโบราณจำนวนมากที่มีมูลค่ามหาศาล เขานำเอาของเหล่านั้นไปขายจนร่ำรวยกลายเป็นเศรษฐีขึ้นมาในช่วงเวลาแค่ข้ามคืนเท่านั้น เมื่อมีเงินแล้วเขาก็มั่นใจมากยิ่งขึ้น ชายหนุ่มจึงได้ตัดสินใจเดินทางไปยังร้านกาแฟเพื่อตามหาหญิงสาวที่เขาแอบหลงรักมานานเพื่อที่จะสารภาพรักกับเธอ
แต่มันก็ไม่เป็นแบบที่เขาคิดเพราะหญิงสาวผู้นี้เป็นคนที่ติดดินและไม่ได้ชื่นชอบในความร่ำรวยอะไร ด้วยเหตุนี้ทำให้เขาต้องเปลี่ยนแผนโดยการช่วยเป็นเจ้าของร้านเพื่อดูแลกิจการอีกแรงหนึ่ง ทำให้ทั้งสองคนได้ใกล้ชิดกันและสานความสัมพันธ์กันมากยิ่งขึ้น
ทุกอย่างเป็นไปตามปกติโดยที่ไม่มีใครรู้เลยว่าสิ่งที่เขาหยิบติดมือมาจากในฝันนั้นกำลังจะมาทวงราคามูลค่าของมันคืน ชายหนุ่มต้องพบเจอกับมาเฟียที่คอยตามไล่ล่าเขา สัตว์ประหลาดที่ยังคงตามฆ่าเขาอยู่ในทุกคืน และมันก็ทำให้ชีวิตของเขานั้นต้องเปลี่ยนไปตลอดกาล
เป็นหนังที่เกี่ยวกับความฝันที่ถือว่าทำออกมาได้ดี นำเสนอในมุมที่ว่า ไม่ว่าใครก็ตามก็ล้วนอยากมีฝันดีทั้งนั้น และถ้าเราสามารถทำให้ความฝันกลายเป็นจริงได้มันก็จะดียิ่งกว่า แต่ซางหยูทำได้ดีกว่านั้น เขาสามารถนำสิ่งของความฝันออกมาแล้วแปรเปลี่ยนให้เป็นเงินมหาศาล แต่ในขณะเดียวกัน ไม่มีสิ่งใดที่ได้มาฟรี มันรอเวลาที่ต้องจ่ายคืน และการจ่ายคืนนั้นมันหนักหน่วงกว่าความทุกข์เดิมที่เคยมีหลายเท่า
ในด้านแนวคิดที่ว่า คนเราเมื่อฝันแล้ว ก็สามารถหยิบของมาจากความฝันนั้นได้มาในโลกแห่งความจริง ในด้านวิธีการนำเสนอ ดูไปแล้วผมก็คิดถึงหนังเรื่อง Jumper (2008) คนโดดกระชากมิติ ที่พระเอกของเรื่องสามารถหายตัวกนะโดดที่ไหนก็ได้ แล้วก็หยิบสิ่งของจากสถานที่นั้นกลับมา ซึ่งในเรื่องยอดมนุษย์สุดโต่ง ก็มีวิธีการใกล้เคียงกันมาก ๆ เพียงแต่เขาใช้วิธีการ หลับ ฝันแล้วตื่น ไม่ได้กระโดด โดยเฉพาะฉากที่ซางหยูนำรถสปอร์ตจากความฝันออกมาสู่โลกความจริงมัน คล้ายกับหนัง Jumper ชัด ๆ
ในด้านคอมพิวเตอร์กราฟิกผมไม่ติดใจอะไรเลย แล้วมองว่าเทคนิคการสร้างกราฟิกในหนังของประเทศจีนใต้หวัน มันก็ไม่ได้ด้อยกว่าของ Hollywood เลยด้วยซ้ำ โดยเฉพาะฉากในความฝันของซางหยูแต่ละฉาก ทำออกมาได้ดีมาก ดูแล้วก็เพลินมากครับ
หนังมีส่วนผสมของความเป็นหนังรัก ซางหยูหลงรักเจ้าของร้านกาแฟ ก็หาทางจีบเธอจนได้ และประคองความรักได้ดี
ในส่วนของความเป็นหนังดราม่าก็ทำได้ดีมากโดยเฉพาะในช่วงต้น ก็ทำให้เราสงสารและเวทนาตัวละครซางหยูได้จับใจ และในช่วงสรุปเรื่องก็ดึงกลับมาอยู่ในโหมดดราม่าได้ดีอีกครั้งและจบลงิย่างสวยงาม อาจเรียกได้ว่าเป็นหนังที่มีค่อนข้างครบรสรสก็ได้ แต่แต่ละรสมันยังไม่จัดจ้านเท่านั้นเอง
ชอบ ตัวละครปีศาจในความฝันมาก ออกแบบได้ดี หนังตลอดทั้งเรื่องเขาไม่ได้อธิบายอะไรเลยเกี่ยวกับปีศาจตนนี้ เพียงแค่โผล่เข้ามาในความฝัน ไล่ฆ่าซางหยูเท่านั้น เขาไม่ได้บอกเหตุผลด้วยซ้ำ ว่าทำไมปีศาจตอนนี้ถึงไล่ฆ่าซางหยู
แต่พอถึงจุดที่เขาจะเฉลยว่าปีศาจตนนี้คืออะไร เกี่ยวข้องกับทฤษฎีจิตวิเคราะห์ยังไง มันก็ยิ่งสร้างความประทับใจให้กับผมมาก มันสามารถสรุปทุกคำถามเกี่ยวกับทุกฉากความฝันของเรื่องได้หมดเลย เราเข้าใจการกระมำของเจ้าปีศาจตนนี้ได้ทันที
แต่หนังก็มีความผิดหวังอยู่หลายจุด เช่นฉากแอ็คชั่นที่เกิดขึ้นในความฝัน มันสั้น และน้อยเกินไป ในช่วงกลางเรื่องก็รู้สึกว่าหนังดึงเวลาเกินไป ฉากที่แสดงถึงความสัมพัน์ระหว่างพระเอกกับนางเอกค่อนข้างใช้เวลามาก แต่ถ้ามองให้ดีแล้ว หนังก็จำเป็นจะต้องอธิบายว่าเพราะเหตุใดพระเอกถึงยอมบและทุ่มเทให้กับนางเอกมากขนาดนี้
ส่วนในตอนจบมีหลายคนอาจดูแล้วรู้สึกไม่ชอบ เพราะมันมีอารมณ์ของความยัดเยียด คลุมเครือ ยัดเยียด เร่งรีบจบ แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม แต่ส่วนตัวแล้ว ผมกลับรู้สึกชอบมาก มันก็ยังอยู่ใน Theme ของความฝันและจิตวิทยาได้ดี
หนังเรื่องนี้มี end credit ด้วยนะและผมมองว่ามีความสำคัญเกี่ยวกับตีความเรื่องด้วย ไม่ควรพลาดนะ
หนังสามารถใช้ทฤษฎีจิตวิเคราะห์ โดยนักจิตวิทยาที่สำคัญของโลกคือ ซิกมัน ฟรอยด์ และ คาร์ด ยุง มาใช้อธิบายหัวใจสำคัญของเรื่องได้ดีมาก เขาพูดถึงอิด อีโก้และซุปเปอร์อีโก้ ว่าคือ 3 ส่วนที่ประกอบกันเป็นจิตของมนุษย์ คือ
ในโลกของความเป็นจริง อีโก้จะถูกข่มเอาไว้โดยบรรทัดฐานทางสังคม ในทางความฝัน อิด จะแสดงความต้องการทางพื้นฐานของมนุษย์ ส่วนสุปเปอร์อีโก้จะทำหน้าที่ต่อสู้กับอิด และต่อสู้กับอีโก้ไปด้วยพร้อมกัน
ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม ต่อให้เราไม่มีความรู้ด้านจิตวิทยาในประเด็นนี้เลยก็ตาม เราก็สามารถดูหนังเรื่องนี้ได้อย่างสนุกและรู้เรื่อง เพราะหนังมันที่สื่อถึง 3 สิ่งนี้ออกมาอย่างชัดเจน
ไม่ว่าจะเป็นความต้องการของซางหยูที่อยากมีชีวิตที่ดี ไม่ต้องลำบาก เมื่อมีเงินมากเขาก็นำเงินมาตอบสนองความต้องการทางด้านพื้นฐานเช่น อาหาร เสื่อผ้า ที่อยู่อาศัย รวมไปถึงความรัก อธิบายถึงความโลภหรือด้านมืดภายในจิตใจของพระเอกที่ต้องการอยากได้อยู่ตลอดเวลา และยังสามารถอธิบายถึงด้านดีของพระเอกที่แสดงออกมาในการช่วยเหลือคนที่มีบุญคุณต่อเขา และรวมถึงการไม่ตัดสินใจทำในสิ่งผิด ซึ่งอะไรคือ อิด อีโก้และซุปเปอร์อีโก้ หนังเขาไม่ได้บอก แต่ปล่อยให้คนดูตีความเอาเอง
อย่างไรก็ตามยอดมนุษย์สุดโต่ง เป็นหนังที่พูดถึงความฝัน ไม่ว่าจะเป็นฝันร้าย หรือฝันดี ซึ่งสามารถนำมาอธิบายชีวิตของพวกเราได้ว่า
ไม่มีใครหรอกที่อยู่ในฝันร้ายตลอดไป แล้วก็ไม่มีใครจะอยู่ในฝันดีตลอดไป มันผสมปนเปกันไปตลอดชีวิต ในความเป็นจริงของชีวิตของคนเรา มีทั้งช่วงเวลาแย่ ๆ และช่วงเวลาที่ดี มันขึ้นอยู่กับว่าในช่วงเวลาที่แย่ที่สุดของชีวิตเราจะสามารถหาทางออกให้กับมันได้หรือไม่ และในช่วงที่เรามีชีวิตที่ดีเราจะเก็บเกี่ยวสิ่งดี ๆ เอาไว้ได้มากที่สุดได้อย่างไรต่างหาก
เนื้อเรื่องถือว่ามีความแปลกใหม่ การดำเนินเรื่องช่วงแรกเป็นการทำความรู้จักตัวละครซางหยู เริ่มจากเห็นตัวละครซางหยูในรถไฟใต้ดิน ห้องพัก ซึ่งส่วนตัวคิดว่าตรงนี้ดำเนินเรื่องเร็วไปสักหน่อยถ้าเพิ่มซีนช่วงนี้ให้ยาวนานขึ้นสัก 5 นาทีน่าจะทำให้ซึมซับตัวตนจริง ๆ ของซางหยูว่าเป็นคนอย่างไร น่าจะทำให้อินมากขึ้น ช่วงกลาง ๆ เรื่องรู้สึกว่าดำเนินเรื่องค่อนข้างเนิบมาก รอลุ้นดูว่าจะมีบททวิสต์ รอลุ้นอยู่นาน กว่าจะเพิ่มดีกรีความมันก็ปาเข้าไปสี่สิบนาทีสุดท้ายแล้ว
ฉากแอ็กชั่นทำออกมาได้ไม่เลว ดูแล้วแอบลุ้นแต่ลุ้นได้ไม่นานเพราะมันค่อนข้างสั้น (เนื่องจากพระเอกจะตื่นจากความฝันพอดี) ส่วนเคมีกับฮวาเอ๋อร์ (นำแสดงโดย เจียซ่ง) ถือว่าพอใช้ได้ พอเป็นสีสัน ไม่ได้หวานหยดย้อยอะไร แต่ก็ไม่เลว
ซีจี ดูสมจริงได้อยู่ ฉากสวยมีความแฟนตาซีเหมือนอยู่ในความฝัน แต่มีบ้างบางฉากเช่นฉากจุดพลุอันนี้ส่วนตัวคิดว่าน่าจะทำได้สมจริงมากกว่านี้ เอฟเฟกต์ถือว่าปังอยู่นะ ตัวปีศาจดูน่ากลัวอยู่ สมบัติดูล้ำค้าเหมือนจริง ผสมซีจีกับเอฟเฟกต์ ทำคุณภาพภาพยนตร์จีนเรื้องนี้เข้าขั้น ไม่แปลกใจที่ได้เปิดตัวฉายปี 2019 ในงาน Paris International Fantastic Film Festival ครั้งที่ 9
เป็นเรื่องที่ดูแล้วรู้สึกไม่น่าเบื่อเลยเพราะมีการดำเนินเรื่องเร็ว มีดราม่าบ้าง ดึงแฟนตาซีแบบบู้ดุเดือดเข้ามาและใส่ซีนสนุกแบบคนรวยเยอะ ๆ หลาย ๆ ฉากตามด้วยโรแมนติกที่จะทำให้เราสนุกตามแน่นอน ถึงแม้ว่าฉากจบจะไม่ค่อยประทับใจสักเท่าไหร่
สำหรับคนที่ไม่รู้จักหวังต้าลู่แบบเรามาก่อน จะรู้สึกได้เลยว่าตัวละครซานหยูในบุคลิกมอมแมมคนนี้ไม่เห็นจะโดดเด่นอะไรเลย แต่พอพี่เขาถอดคราบออกเท่านั้นแหล่ะจ้า โอ้พระเจ้า! หล่อสะอาดมากก ราวกับเป็นคนละคนกันเลย
ในด้านของCGและทางโปรดักไม่ว่าจะเป็นเสียงประกอบแสงสีต่าง ๆ ทางทีมงานออกแบบมาได้ดีมากเลยCGตัวละครแฟนตาซีและฉากอีกมิติหนึ่งก็ดูเนียนตาสมจริง เสียงประกอบเอฟเฟคก็ทำเอาตกใจตลอดยามที่ตัวประหลาดอีกมิติหนึ่งโผล่มา
เป็นภาพยนตร์ที่เต็มไปด้วยความสนุกสนานโดยเฉพาะในแง่ของภาพยนตร์แนวโรแมนติกแฟนตาซี มีการนำเสนอเรื่องราวที่มีความแปลกใหม่และน่าสนใจอย่างการขโมยของในฝันของตัวเอง แต่อย่างไรก็ตามในภาพยนตร์เรื่องนี้มีฉากความรุนแรงที่เต็มไปด้วยความโหดร้ายอยู่พอสมควร ทำให้มันอาจจะไม่เหมาะสำหรับคนจิตอ่อนหรือคนที่ไม่ชอบความรุนแรงเท่าไรนัก
การดำเนินเรื่องในช่วงแรกไปจนถึงช่วงกลางมีความค่อยเป็นค่อยไปให้เราได้ผูกพันกับตัวละครและเรียนรู้กับพวกเขามากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะช่วงกลางเรื่องที่พระเอกและนางเอกได้สานความสัมพันธ์กันจะเป็นจุดที่ดีที่สุดท้ายในภาพยนตร์ก่อนที่พวกเขาจะต้องพบเจอกับอุปสรรค แต่น่าเสียดายที่ในช่วงท้ายของภาพยนตร์ดูมีความเร่งรีบในการเล่าเรื่องจนทำให้บรรยากาศที่ดีในช่วงแรกหายไปหมด
สำหรับใครที่ยังไม่เคยรับชมภาพยนตร์เรื่องนี้มาก่อนขอให้ค่ำย่อหน้านี้ไปเพราะมันจะเป็นการสปอยเนื้อหาในส่วนตอนจบ ในช่วงท้ายจะเป็นส่วนที่ทำให้เราได้เรียนรู้ว่าความจริงแล้วบนโลกใบนี้ไม่มีอะไรที่ได้มาแบบฟรีๆ สิ่งที่พระเอกไปหยิบเอามาจากในความฝันนั้นกำลังจะถูกเอาคืนอย่างเจ็บแสบ ทำให้จุดจบของตัวละครในภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ใช่การจบแบบ Happy Ending สำหรับคนที่คาดหวังว่ามันจะเป็นภาพยนตร์รักสนุกๆ ดูแล้วเบาสมอง ฉากตอนจบก็จะทำให้ปวดตับได้ไม่น้อยเหมือนกัน