Spider-Man: No Way Home
เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา หลังมีข่าวว่าทีเซอร์ของภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ที่แฟนๆ มาร์เวลเฝ้ารออย่าง Spider- M an : No Way Home ดูหนัง นั้นหลุดว่อนเน็ตด้วยฝีมือของทีมงานภายในของบริษัทจากการแอบถ่ายด้วยโทรศัพท์มือถือ และแม้ว่าค่าย SONY ดูหนังบู๊
จะพยายามตามลบเท่าไหร่ก็ดูเหมือนจะไม่ทันการเสียแล้วด้วยตัวคลิปถูกแพร่ไปอย่างรวดเร็วทั้งผ่านการก็อปปี้ ทวิต
หรือว่าโหลดวิดีโอไว้ก็ตาม หนังฟรี ไม่นานจากนั้นทางค่ายจึงแก้เกมเดินหน้าต่อ ดูหนัง ปล่อยทีเซอร์ฉบับจริงออกมาเสียเลยเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา และสำหรับทีเซอร์ของจริงนี้แฟนๆ ดูหนังออนไลน์
หนังใหม่ มาร์เวลและสไปดี้ก็เตรียมตัวพบกับการผจญภัยครั้งใหม่หลังรอลุ้นค้างเติ่งกันมาอย่างยาวนาน ด้วยภาคล่าสุดที่ทิ้งท้ายเรื่องเอาไว้ว่าสไปเดอร์แมนถูกเผยโฉมแล้วว่าคือ ดูหนังฟรี Peter Parker แฟนๆจึงลุ้นกันยกใหญ่ว่า ดูหนัง เนื้อเรื่องครั้งใหม่นี้จะดำเนินไปในทิศทางไหนบ้าง ดูหนังออนไลน์
เป็นครั้งแรกที่ ‘Spider-Man’ ไม่ต้องซ่อนตัวใต้หน้ากากอีกต่อไป และเขาไม่สามารถแยกชีวิตในฐานะซูเปอร์ฮีโรออกจากชีวิตปกติได้อีกต่อไป เมื่อเขาไปขอให้ด็อกเตอร์สเตรนจ์ช่วยเหลือ แต่มันกลับกลายเป็นวุ่นวายกว่าเดิม บังคับให้เขาต้องหาทางแก้ไขและหาความหมายของการเป็นสไปเดอร์แมน หนังเรื่องนี้จะแนะนำสิ่งที่เรียกว่า Multiverse ในจักรวาลมาร์เวลอย่างเป็นทางการ พร้อม ๆ กับวายร้ายจากทั้ง ‘Spider-Man’ และ ‘The Amazing Spider-Man’ ก็จะมาปรากฎตัวด้วยเช่นกัน
เป็นที่รู้กันดีว่าสไปเดอร์แมนเวอร์ชั่นนี้ของค่ายโซนี่และมาร์เวลถูกเปิดตัวด้วยการเกณฑ์เข้าเป็นหนึ่งในทีมอเวนเจอร์สจาก Iron Man ที่รับบทโดย Robert John Downey, Jr.
โดยเส้นเรื่องในภาคนี้อ้างอิงจากทีเซอร์แล้วเป็นการเล่าต่อจากเหตุการณ์ที่สไปเดอร์แมนถูกเผยตัวตนว่าเป็นใคร ตามมาด้วยคลิปวิดีโอจากตัวร้ายภาคก่อนหน้าอย่าง Mysterio
ที่ป้ายสีฮีโร่วัยมัธยมปลายไว้ว่าเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นและการที่เขาตายเป็นเพราะสไปเดอร์แมน
เนื้อเรื่องจึงน่าจะดำเนินไปบนเส้นทางของการที่สไปเดอร์แมนตกเป็นจำเลยของสังคมและพยายามแก้ไขความถูกต้องกลับคืนมาอีกครั้ง
เรายังได้เห็นฉากที่เหล่าคนรอบตัวของเขาถูกสอบสวนในโรงพักทั้งเพื่อนสนิทอย่างเนตและป้าเมย์
สไปดี้จึงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องคนที่เขารักและแก้ไขเหตุการณ์ให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมให้ได้
เราถึงได้เห็นตัวละครสไปดี้ตามไปขอความช่วยเหลือเพื่อนร่วมทีมอเวนเจอร์สอย่าง
Doctor Strange กันในเรื่องอีกด้วย
ก็คงจะหนีไม่พ้นการใช้คาถาร่ายเวทย์ ซึ่งเดาว่ามันคือคาถาที่ใช้ลบความทรงจำทุกคนที่รู้ว่าเขาคือสไปเดอร์แมนออกไป
หรืออาจเป็นคาถาที่ช่วยเรื่องการย้อนเวลากลับไปช่วงเวลาก่อนหน้านั้น
และในทีเซอร์ยังมีช่วงจังหวะที่ตัวละครหว่องพูดไว้อีกว่าไม่ให้ใช้เวทมนตร์คาถานั้นในการช่วยเหลือเด็ดขาด
เพราะในภาพยนตร์ของจักรวาลมาร์เวลยังมีการพูดอยู่ตลอดเวลาว่าการย้อนเวลากลับหรือบิดเบือนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมักส่งผลลัพธ์ที่หักเหไปจากเดิมและคาดไม่ถึงเสมอ
ซึ่งจากทีเซอร์แล้วก็คาดการณ์ว่าคาถามันจะเกิดการผิดพลาดและบิดเบี้ยวมิติคู่ขนานขึ้น ไม่แน่ว่าทั้งสไปเดอร์แมนและด็อกเตอร์
สเตรนจ์ เองก็อาจหลุดเข้าไปสู่ Multiverse แล้วก็เป็นได้ โดยด็อกเตอร์ สเตรนจ์ ยังพูดทิ้งท้ายในทีเซอร์ไว้ว่า
“be careful what you wish for” หรือจงระวังจะได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการอีกด้วย
ที่รู้ๆ เลยคือการขอความช่วยเหลือครั้งนี้ของสไปเดอร์แมนเป็นการเล่นกับมิติของเวลาและส่งผลให้เกิดเหตุการณ์หยุงเหยิงที่ต้องมาตามแก้ไขกันอีกแน่นอน
นั่นคือเรื่องราวที่จับใจความได้จากวิดีโอตัวอย่างที่ถูกปล่อยออกมา และสำหรับการคาดเดาในครั้งนี้เราขอเริ่มต้นด้วยว่านี่อาจเป็นภาคสุดท้ายของตัวละครสไปเดอร์แมนก็เป็นได้
เนื่องจากตัวละครนี้เคยอยู่ในค่ายของมาร์เวลมาก่อนแต่ต้นสังกัดขายลิขสิทธิ์ไปด้วยเหตุผลด้านการผลิตภาพยนตร์
ปัจจุบันจึงเป็นลิขสิทธิ์ของ SONY ที่ซื้อเรื่องราวไปทำตั้งแต่ภาคแรกสุดที่เล่นโดย
Tobey Maguire ต่อด้วย Andrew Garfield โดยมาร์เวลร่วมจัดทำฉบับของ Tom Holland ขึ้นเพื่อให้ตัวละครสไปดี้ได้เข้ามามีส่วนร่วมในจักรวาลของฮีโร่และทีมอเวนเจอร์สนั่นเอง
จึงมีหลายคนคาดการณ์กันว่างานนี้อาจเป็นภาคสุดท้ายทิ้งทวนก่อนสไปดี้ต้องหอบหิ้วกระเป๋ากลับสู่ค่าย SONY ดังเดิม
คาดการณ์เรื่องที่สองคือ เราอาจมีโอกาสได้เห็นสไปเดอร์แมนเวอร์ชั่นอื่นๆ ทั้งฉบับของโทบี้และแอนดรูว์ในเรื่องโผล่มาแจมด้วยก็เป็นได้ เพราะมีข่าวลือหลุดออกมาว่าเรื่องนี้จะเล่าถึงโลกคู่ขนาน (ซึ่งสังเกตได้จากการช่วยเหลือของ
ด็อกเตอร์ สเตรนจ์ ที่เข้าไปพัวพันกับมิติคู่ขนาน และการพูดถึงเรื่องของ Multiverse ตลอดเวลาในทีเซอร์) ซึ่งมันอาจส่งผลให้เราได้เห็นตัวละครอย่างสไปเดอร์แมนเวอร์ชั่นก่อนหน้าด้วยก็เป็นได้
การคาดการณ์ถึงสไปเดอร์แมนในมิติอื่นมีแนวโน้มว่าจะเป็นจริงมากทีเดียว เพราะก่อนทีเซอร์จะปิดจบไปเราได้เห็นตัวละครฝ่ายผู้ร้ายอย่าง Doctor Octopus
ศัตรูตัวฉกาจที่โผล่มาในสไปเดอร์แมนเวอร์ชั่นของโทบี้ แมกไกวร์ ในภาคที่สอง กลับมาเป็นผู้ร้ายในภาคนี้อีกครั้ง ยิ่งไปกว่านั้นความน่าขนลุกคือค่ายยังพานักแสดงคนเดิมอย่าง Alfred Molina กลับมารับบทบาทนี้อีกด้วยเช่นกัน
ดูเหมือนว่าชะตากรรมของเพื่อนบ้านผู้แสนดีอย่าง ‘สไปเดอร์-แมน’ จะเริ่มขยายตัวใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ขึ้นทุกที ๆ ครับ หลังจากที่รับงานฮีโรระดับเบอร์รองมาแล้วใน 2 ภาคก่อน ภาคนี้ในฐานะที่เป็นหนังในช่วงต้นของ MCU ในเฟส 4 ที่กำลังเดินหน้าปูพื้นเรื่องราวแบบ ‘พหุจักรวาล’ หรือ ‘มัลติเวิร์ส’ (Multiverse) เพื่อขยายขอบเขตวิธีการเล่าเรื่องให้กว้างกว่าแนวแอ็กชันแบบเดิม ซึ่งตอนนี้มีซีรีส์ใน Disney+
ที่ปูพื้นเรื่องนี้ไว้ก่อนแล้วทั้ง ‘Loki’ และแอนิเมชัน ‘What If…? ‘ ซึ่งซีรีส์ทั้งสองเรื่องนี้เป็นตัวสรุปอย่างชัดเจนว่า มัลติเวิร์สคือแกนหลักสำคัญและความโกลาหลครั้งใหญ่ที่เหล่าฮีโรต้องรับมือให้ได้ ซึ่งในหนังเรื่องนี้ก็ดูเหมือนว่าความโกลาหลนั้นได้ปรากฏชัดขึ้นเป็นรูปเป็นร่างแล้ว และไอ้แมงมุมก็ถือว่าเป็นฮีโรตัวแรก ๆ ที่ต้องรับผลแห่งความโกลาหลนี้แบบชัด ๆ
ยังไม่หมดเท่านี้ เพราะในทีเซอร์เองเรายังจะได้เห็นสไปเดอร์แมนในชุดคอสตูมใหม่สีดำและลวดลายสีทองผ่านตาไปช่วงหนึ่ง โดยชุดนี้คงคุ้นตาแฟนๆ สาวกมาร์เวลมาแล้วจาก Hot Toys ที่ถูกทำขึ้นเพื่อโปรโมตภาพยนตร์ในช่วงก่อนหน้า
หลายฝ่ายต่างคาดการณ์ไปอีกด้วยซ้ำว่าชุดนี้อาจใช้ขึ้นเพื่อต่อสู้กับตัวละครที่ใช้พลังไฟฟ้าเป็นอาวุธอย่าง
Electro ที่รับบทโดย Jamie Foxx ในภาพยนตร์ The Amazing Spider-man 2 ด้วยซ้ำ
ส่วนเรื่องราวในภาคนี้ก็จะเล่าต่อจาก End Credits ตัวแรกที่ทิ้งเอาไว้ในภาคก่อนหน้า (Spider-Man : Far From Home (2019)) ซึ่งถ้าใครที่ยังไม่ได้ดู ก็ต้องขอเบรกให้ไปหาดูก่อนให้เรียบร้อยก่อนนะครับ (ทั้งสองภาคมีให้ดูใน HBO GO) เพราะว่าเนื้อเรื่องของภาคนี้จะเริ่มต้นมาจาก End Credits ตัวนั้นแหละ หลังจากที่สไปเดอร์แมนสามารถโค่น ‘มิสเทริโอ’ (Jake Gyllenhaal) ได้สำเร็จ
มิสเทริโอก็วางระเบิดตูมสุดท้ายด้วยการปล่อยคลิปเฟกนิวส์ผ่านจอ LED ที่กล่าวหาว่าปีเตอร์เป็นคนสังหารเขาอย่างป่าเถื่อน กล่าวหาว่าปีเตอร์โอ่อ้างจะเป็นไอรอนแมนคนถัดไป ข่าวนี้ยังไปถึงหู ‘เจ. โจนาห์ เจมส์สัน’ (J.K. Simmons) นักข่าวสำนักข่าวออนไลน์ TheDailyBugle.net ออกมาแฉ (จากข้อมูลของมิสเทริโอ) จนทำให้คนทั้งโลกรู้กันไปทั่วว่าสไปเดอร์แมนคือปีเตอร์ ปาร์คเกอร์
และในภาคนี้ แน่นอนว่า ปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ เพื่อนบ้านที่แสนดี ถูกภัยเฟกนิวส์ตราหน้าจนทำให้ใช้ชีวิตยากลำบากกว่าเดิม
เรียกว่าเป็นการข้ามมิติคู่ขนานที่ดูยุงเหยิงและอิรุงตุงนังใช้ได้ ไม่รู้ว่าที่เราคาดการณ์มาทั้งหมดจะเป็นจริงมากน้อยแค่ไหน จะถูกตุ๋นหม้อใหญ่จากค่ายมาร์เวลและโซนี่หรือไม่
แต่ที่แน่ๆ ฮีโร่สไปดี้ภาคนี้ก็ยังพยายามที่จะต่อสู้เพื่อความถูกต้องและปกป้องคนที่เขารักอย่างแน่นอน
งานนี้แฟนๆ รอติดตามชมภาพยนตร์ที่มีคิวจะเข้าฉายในช่วงสิ้นปีนี้กันได้เลยถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องดู
‘Spider-man : Homecoming’ (2017)
‘Spider-man : Far From Home’ (2019) (*จำเป็นมาก ๆ )
ดูเพื่อปูพื้นเรื่องตัวร้ายที่ปรากฏในภาคนี้
‘Spider-man’ (Green Goblin) (2002)
‘Spider-man 2’ (Doctor Octopus) (2004)
‘Spider-man 3’ (Sandman) (2007)
‘The Amazing Spider-man’ (Lizard) (2012)
‘The Amazing Spider-man 2’ (Electro) (2014)
ดูเพื่อปูพื้นเรื่องราวของสไปเดอร์-แมน
‘Captain America : Civil War’ (2016)
‘Avengers : Infinity War’ (2018)
‘Avengers : Endgame’ (2019)
ดูเพื่อปูพื้นให้เข้าใจเรื่อง ‘Multiverse’
‘Loki’ (2021)
‘What If…?’ (2021)