Seven Days 7 วันอันตราย ขีดเส้นเป็นตาย

Seven Days 7 วันอันตราย ขีดเส้นเป็นตาย

อีกหนึ่งสุดยอดหนังระทึกขวัญจากเกาหลี ดูหนังอาชญกรรม ที่ผู้ชมต่างยกให้มันติดอันดับสุดยอดหนังระทึกขวัญที่ดีที่สุดตลอดกาล (เฉพาะหนังเกาหลีนะ) หนังฟรี Seven Days เรื่องราวของทนายสาวหม้ายลูกหนึ่งอย่าง ยู จียุน ถึงแม้เธอจะเสียสามีไปแต่ทว่าเธอเพียงลำพังกลับดูแลลูกสาวได้อย่างดีไม่มีขาดตกบกพร่อง มิหน้ำซ้ำหน้าที่การงานของจียุนนั้น ดูหนังออนไลน์ ยังจัดได้ว่าเป็นทนายความอันดับหนึ่งของเกาหลี ด้วยผลงานการว่าความชนิดที่ไม่เคยแพ้แม้แต่คดีเดียว เปลี่ยนคนผิดให้กลายเป็นถูกเธอยังทำได้สบายๆ จนกระทั่งวันหนึ่งในงานแข่งกีฬาสีครอบครัวของลูกสาวเธอ ดูหนังฟรี ขณะที่จียุนกำลังวิ่งแข่งกับแม่ๆคนอื่น

เธอก็ได้สังเกตเห็นว่ามีบางสิ่งบางอย่างที่ผิดปกติ อึนยอง ลูกสาวของเธอได้หายตัวไปจากในงานแล้ว…หลังจากที่แจ้งตำรวจและกลับมาถึงบ้าน จียุนก็ได้รับโทรศัพท์จากชายแปลกหน้าคนหนึ่ง ซึ่งเขาบอกกับเธอว่าเขาเป็นคนลักพาตัวลูกสาวของเธอไป เขาไม่ต้องการเงินและจะฆ่าลูกสาวเธอทันทีที่เธอแจ้งตำรวจให้ช่วย สิ่งที่ชายแปลกหน้าต้องการก็คือ อยากให้จียุนช่วยว่าความให้กับ จอง เชอจิน นักโทษคดีประหารชีวิต ด้วยข้อหาฆาตกรรมและข่มขืนหญิงสาวรายหนึ่งอย่างโหดเหี้ยมที่ห้องพักของเธอเอง ตำรวจพบรอยนิ้วมือและหลักฐานทั้งหมดชี้ตัวมายังเขาว่าเป็นคนร้าย ศาลกำลังจะตัดสินคดีนี้ในอีก 7 วัน

Seven Days 7 วันอันตราย ขีดเส้นเป็นตาย

จียุนมีเวลาเหลือเพียงเท่านี้ในการหาหลักฐานมาแก้ต่างให้กับเชอจิน หากเธอว่าความแพ้…ลูกสาวของเธอจะต้องตาย  ซึ่งมันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยในการทำคดีนี้ให้สำเร็จ เพราะเชอจินเองก็เป็นอดีตนักโทษข่มขืนอยู่แล้ว มันเป็นผู้ชายสารเลวที่เห็นผู้หญิงเป็นเครื่องสนองตัญหา แถมหลักฐานทั้งหมดก็เชื่อมโยงว่ามันเป็นคนลงมือไม่ผิดแน่นอน แต่ทว่าจียุนนั้นก็ไม่มีทางเลือกมากนัก หากเธอยังอยากจะเห็นหน้าลูกสาวอีกครั้ง เธอจำเป็นต้องงัดทุกสิ่งทุกอย่างที่มีเอามาใช้ เพื่อช่วยเชอจินให้พ้นผิดให้ได้ภายในเวลา 7 วัน

ยอนยูจิน (Yunjin Kim) ทนายสาวแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ชีวิตการทำงานกำลังรุ่งโรจน์แบบสุดๆ จนแทบไม่มีเวลาให้กับลูกสาวตัวน้อย ไม่ว่าเธอจะว่าความให้กับใครเธอจะได้รับชัยชนะในคดีมาโดยตลอด แต่คดีของเพื่อนซี้เธออย่าง คิมซุงโยล (Hee-soon Park) นายตำรวจจอมฉ้อฉลเจ้าเล่ห์เธอกลับไม่ยอมรับทำคดีให้ เพราะเธอรู้ว่าโอกาสชนะนั้นริบหรี่หรือเกิน

ในวันที่ ยูจิน ให้สัญญากับลูกสาวว่าเธอจะมาร่วมงานแข่งกีฬาสีกับลูก เธอสามารถทำได้ตามคำสัญญาที่ให้ไว้ว่าจะชนะการแข่งขัน เพียงแต่มันกลับเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น เมื่อลูกสาวของเธอถูกลักพาตัวไป แล้วคนร้ายที่ติดต่อกลับมานั้นพยายามเล่นเกมจิตวิทยากับเธอ จนในที่สุดเธอก็ได้รู้ความต้องการของคนร้ายว่าเขาไม่ได้ต้องการเงินทอง แต่สาเหตุที่ลักพาตัวลูกของทนายสาวมือหนึ่งไปคือ

ต้องการให้เธอว่าความให้กับ จินจองชอล (Moo-Seong Choi) ผู้ต้องหาคดีฆาตกรรมที่ในอีกไม่กี่วันข้างหน้ากำลังจะถูกตัดสินโทษประหารชีวิต ทางเดียวที่จะพาลูกสาวกลับมาสู่อ้อมกอดของเธอได้ก็คือ ชนะคดีและทำให้ จองชอล พ้นผิดให้ได้ ไม่เช่นนั้นเธอก็จะไม่ได้เห็นหน้าลูกสาวไปตลอดเช่นกัน ยูจิน จึงต้องยอมเอ่ยปากขอความช่วยเหลือ จากเพื่อนซี้ที่เธอเพิ่งปฏิเสธความช่วยเหลือไปอย่าง ซุงโยล เพื่อหาหลักฐานในคดีนี้มาให้ได้

หนังสร้างความสับสนให้คนดู

หนังที่ของแบ่งเป็นสองเดาแล้วกัน เดาแรกก็คือ ใครเป็นฆาตกรตัวจริงที่ฆ่า จางเฮจิน ส่วนนี้หากมองที่การเล่าเรื่องของหนังก็ถือว่าสร้างความสับสนได้ดี แต่หากตัดการเล่าเรื่องออกไปทั้งหมดแล้วเดาจากพล็อตล้วนๆ ในส่วนที่ว่าใครน่าจะเป็นฆาตกรอันนี้เดาได้ไม่ยากเลย

แต่ส่วนเดาที่สองเชื่อว่าหลายคนเข็มขัดสั้นคาดไม่ถึงเดาไม่ถูกแน่ๆเลยก็คือ ใครกันที่เป็นคนลักพาตัวเด็กแล้วก็อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมด เอาจริงว่าถึงหนังจะเฉลยแบบทื่อๆขาดอิมแพ็คไปหน่อย (แอบเห็นมีคนงงตั้งกระทู้ถามใน pantip สปอยส่วนนี้ก็มี) แต่ก็ถือว่าสับขาหลอกคนดู แล้วก็ซ่อนความลับได้มิดชิดจริงๆ

สำหรับเรื่องนี้ถือว่าเป็นหนังดราม่า ระทึกขวัญ ที่ทำหน้าที่ของตัวเองได้สำเร็จ ไม่ว่าจะการตอบโจทย์ความบันเทิง ที่คนดูลุ้นระทึกได้ตั้งแต่เปิดเรื่องไม่นาน ก่อนจะพาคนดูไปร่วมแก้ไขปัญหาแข่งกับเวลาของ ยอนยูจิน ที่มากไปกว่าการแก้ไขปัญหาก็คือ

การชั่งน้ำหนักความเที่ยงธรรมในใจตัวเอง เพราะเธอจะต้องหาคำตอบให้ได้ว่า จินจองชอล นั้นเป็นคนร้ายในคดีฆาตกรรมจริงหรือไม่ หากเขาบริสุทธิ์เธอก็คงให้ความช่วยเหลือได้อย่างสบายใจ แต่ถ้าหากไม่แล้วล่ะก็ นั่นเท่ากับเธอต้องทำร้ายจิตใจของครอบครัวเหยื่อและคนบริสุทธิ์อีกหลายคน

ตลอดทั้งเรื่องเราจึงได้เห็นหนังเหวี่ยงความเชื่อของคนดูไปมาว่า ตกลงแล้ว จินจองชอล เป็นแพะรับบาปหรือว่ามีใครคนอื่นที่อาจจะเป็นฆาตกรตัวจริงอยู่ในห้องกับ จางเฮจิน อีกคนกันแน่ อย่างที่บอกไปในตอนต้นว่าหากไม่มองที่พล็อตหนังก็สับขาหลอกได้ดี

แต่หากยืนมั่นในพล็อตหนังแนวนี้แล้วโอกาสที่เราจะเดาผิด พลิกไปจากที่คาดเดาก็คงยาก ในเนื้อหาส่วนของเหตุผลการลักพาตัวและทำไมต้องช่วย จินจองชอล ให้รอดโทษประหารคงไม่ไปแตะเนื้อเรื่องส่วนนั้นก็แล้วกัน เพราะเดี๋ยวจะกลายเป็นหลุดสปอยเนื้อหาไปซะอีก

ถือว่าเป็นอีกหนึ่งหนังพลังความรักของแม่ที่มีต่อลูกเรื่องนึงที่ถ่ายทอดออกมาได้ดี ทั้งในแง่มุมของความทุ่มเทสรรพกำลังทุกอย่างที่มีเพื่อช่วยเหลือลูก รวมถึงความเจ็บปวดของคนเป็นแม่ที่ไม่สามารถปกป้องลูกสุดที่รักของตัวเองได้ จนต้องยอมทำทุกทางเพื่อเยียวยาบาดแผลในใจตนเอง

พล็อตเรื่องดีงาม กราบคนคิดเลย

พล็อตเรื่อง และการเดินเรื่อง Seven Days เป็นหนังที่เล่นกับพล็อตเกี่ยวกับ การลักพาตัว และเงื่อนไขของเวลาที่บีบคั้นตัวละคร ผ่านมุมมองของทนายความชื่อดังแห่งเกาหลี ที่ชื่อ “ทนายยู” โดยจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมดเริ่มจากการที่ลูกสาวของเธอถูกลักพาตัว และเธอได้รับข้อเสนอให้ว่าความคดีหนึ่งที่เหลือเวลาก่อนถึงวันตัดสินคดีเพียง 7 วัน ให้ชนะคดีความให้ได้

พล็อตเรื่องของหนังจะเป็นแนวสือสวนสอบสวนบวกกับคดีฆาตกรรมที่เกิดขึ้น คนร้ายอาจจะเป็นใครก็ได้ที่อยู่ในที่เกิดเหตุ เชอจินอาจจะดูเหมือนคนชั่วช้าแต่ถ้าเขาไม่ได้เป็นคนลงมือล่ะ? ในที่เกิดเหตุไม่ได้มีแค่เขาเพียงคนเดียว หากแต่ยังมีแฟนหนุ่มของผู้ตายซึ่งตำรวจพบว่าเขาติดยาเสพขนาดหนัก อาจนำมาซึ่งสาเหตุฆาตกรรมก็ได้ เรื่องราวมีความเป็นไปได้ทั้งหมด พลิกไปพลิกมาจนคนดูลุ้นกันมันส์หยดติ๋งๆเลยทีเดียว

โหดจิตได้ใจไปเลย ถึงแม้จะมีไม่หลายฉากถ้าเทียบกับสุดยอดวามโหดอย่างหนัง I Saw The Devil ที่เป็นสุดยอดหนังระทึกขวัญจากเกาหลีเหมือนกัน แต่ทว่าฆาตกรในเรื่องนี้จัดได้ว่าโหดร้ายทารุณและไม่มีความเมตตาเลยแม้แต่น้อย เหยื่อสาวพยายามดิ้นรนจนสุดชีวิต แต่เธอก็ยังถูกข่มขืนและกระหน่ำแทงอย่างไม่มีคำว่าปราณี ส่วนศพของเธอก็ถูกเอาไปทิ้งไว้อย่างน่าเวทนา ที่เสียใจที่สุดคงจะหนีไม่พ้นครอบครัวของเธอ เป็นความสลดหดหู่ชนิดที่ไม่อยากให้ใครต้องเจอเลยจริงๆ

ยอมใจคนคิดพล็อตเรื่อง ช่างคิดอะไรให้ twist เหวี่ยงไปมาได้ขนาดนั้น แค่พล็อตที่ว่ามีคนร้ายจับตัวลูกสาวของ ‘ทนายยู’ (คิม ยุนจิน) ทนายว่าความผู้ไม่เคยแพ้ใคร เพื่อให้เธอว่าความยังไงก็ได้ให้ ‘เชอจิน’ ผู้ต้องหาคดีฆ่าข่มขืนที่กำลังจะถูกประหารชีวิตพ้นผิดทุกข้อกล่าวหา แต่เมื่อเธอจำใจต้องรับว่าความก็เริ่มพบเงื่อนงำบางอย่างที่อาจพิสูจน์ได้ว่าลูกความของเธอไม่ใช่คนผิด โดยมีความช่วยเหลือจาก ‘นักสืบซุงยอล’ ที่กำลังขอร้องให้เธอว่าความให้เขาพ้นผิดจากคดีทุจริตเงินประกันไฟไหม้
.
หนังเหวี่ยงมาก พล็อตคดีเหวี่ยงไปมาจนยากจะคาดเดาคนร้ายนี่คือความดีงามของหนัง แต่การตัดต่อและกำกับภาพเหวี่ยงไปมานี่คือหายนะของหนังอย่างแท้จริง คือถ้าโรงเรียนสอนหนังที่ไหนจะหาตัวอย่างการตัดต่อยอดแย่ไว้ใช้สอนในชั้นเรียนก็เปิด Seven Days ให้ดูได้เลย ไม่รู้พี่จะทั้งกระพริบทั้งสั่นทั้งแพนกล้องให้ดูเร่งรีบอะไรขนาดนั้น เบามือใจเย็น ๆ มั่งก็ได้ ตัดต่อกับถ่ายภาพออกมาแย่จนช่วงแรกเกือบจะปิดหนังไม่ดูแล้วเพราะทนไม่ไหวจริง ๆ โชคดีที่พล็อตเรื่องมันน่าติดตามเลยทนดูต่อจนจบเพื่อจะพบว่าเป็นหนังสืบสวนของเกาหลีที่เจ๋งใช้ได้อีกเรื่องหนึ่งเลย

พอชำแหละตัวละครหลัก ๆ ออกมาแล้วน่าสนใจมาก แต่ละคนล้วนมือสกปรกเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ตัวเองต้องการกันหมด ทุกคนมีความจำเป็นบีบบังคับให้ตัวเองทำสิ่งที่ผิด ไม่ว่าจะเป็นนักสืบที่ใช้อำนาจเส้นสายในทางที่ผิด แถมเผลอ ๆ ตัวเขาจะเป็นตำรวจที่คอรัปชั่นเงินประกันจริงตามข้อกล่าวหาด้วย, นางเอกเองก็ต้องพยายามทำทุกอย่างให้ลูกความตัวเองพ้นผิดโดยไม่สนใจว่าเขาจะเป็นฆาตกรหรือไม่ เพราะเธอจำเป็นต้องปกป้องชีวิตลูกสาวของเธอ ยิ่งพอดูไปถึงจุดหนึ่งจะเห็นว่าหลาย ๆ ตัวละครในเรื่องก็มีด้านมืดของตัวเองจึงทำให้คดีที่ดูธรรมดากลายเป็นงานที่ซับซ้อนขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้นพอถึงตอนเฉลยคลี่คลายแรงจูงใจของทุกคนที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้จึงเป็นช่วงที่เราว้าวมากเพราะมันเผยมุมมืดของมนุษย์ออกมาหมดเปลือก โดยยังคงเหลือด้านดีของบางคนเป็นความหวังที่จะศรัทธาเนื้อแท้ของมนุษย์ต่อไป

การเล่าเรื่องน่าสนใจ

ภาพรวมคดีของหนังค่อนข้างรัดกุมมาก เวลาหนังเล่าอาจจะดูสับสนเพราะมันเป็นเหมือนจิ๊กซอว์แยกชิ้นส่วนจากตรงนู้นตรงนี้ แต่พอถึงตอนเฉลยที่จิ๊กซอว์แต่ละส่วนมาประกอบกันครบแล้วเราจะเห็นภาพชัดเจนเลยว่าแต่ละคนเกี่ยวข้องอย่างไรเพราะอะไร แล้วรายละเอียดต่าง ๆ ของบาดแผลที่หมอชันสูตรอธิบายมาในตอนต้น และภาพจำลองเหตุการณ์ฆาตกรรมของนักสืบจะถูกนำมาใช้อ้างอิงในตอนจบทั้งหมดได้อย่างลงตัว อันนี้เป็นสิ่งที่เราชอบมุมสืบสวนคดีของ Seven Days อยู่พอสมควร

เมื่อทางเลือกมีไม่มากที่จะช่วยชีวิตลูกสาว เธอจึงต้องยอมรับทำคดีนี้ ร่วมกับนายตำรวจคนหนึ่ง ที่หวังขอรับความช่วยเหลือจากเธอเช่นกัน จุดที่น่าสนใจ คือ หนังไม่ได้ทำให้ตัวละครขาว หรือดำแบบ 100% โดยเฉพาะตัวของ “ทนายยู” ที่เลือกโฟกัสการเอาชนะคดีความโดยไม่สนใจแล้วว่า ใครจะได้รับผลกระทบบ้าง เพราะจุดประสงค์ของการว่าความ คือ การช่วยชีวิตลูกสาวเอาไว้ให้ได้

แต่ข้อที่ต้องระวังในการดูหนังเรื่องนี้ คือ คุณอาจจะสับสนกับการลำดับภาพ และไทม์ไลน์มีความซับซ้อนสูงมาก จนอาจทำให้ปะติดปะต่อเรื่องราวไม่ได้ ว่าแต่ละส่วนมีความเกี่ยวข้องกันยังไง ใครจะดูเรื่องนี้เราแนะนำว่า หาเวลาที่สามารถจดจ่อกับหนังได้อย่างเต็มที่ดีกว่า จะทำให้ประสบการณ์การดูหนังเรื่องนี้สนุกมากขึ้น และเข้าใจในสิ่งที่หนังต้องการจะสื่อได้มากกว่า

ถ้าถามว่าอะไรคือเสน่ห์ของหนังแนว “สืบสวนสอบสวน” คำตอบที่หลายคนน่าจะตอบคล้ายๆกัน คือ การคาดเดาไม่ได้ สามารถหลอกล่อให้ผู้ชมไขว้เขวไปกับคำใบ้ที่หนังวางเอาไว้ตลอดทั้งเส้นเรื่อง วันนี้ Popcornfor2 จะมารีวิวหนังเกาหลีเรื่อง “Seven Days” ที่มีครบทุกองค์ประกอบของหนังสืบสวนสอบสวนให้แฟนเพจทุกคนได้เก็บเป็นลิสต์ไว้รับชมกัน

ดูเรื่องนี้จบสงสารก็แต่ คิมยูจิน ต้องมาเป็นแม่ที่รับบทบาทหนักๆเกี่ยวกับลูกของตัวเองในหนังเป็นเรื่องที่สามแล้ว เรื่องก่อนหน้าอย่าง Diary of June (2005) แล้วก็มี The Neighbor (2012) นี่ก็ลูกสาวถูกลักพาตัวอีกเรื่องนึง ฮ่าฮ่า จริงๆมีได้เป็นแม่อีกเรื่องนึงอย่าง Ode to My Father (2014) กี่หมื่นวันไม่ลืมคำสัญญาพ่อ อีกเรื่องนึงด้วยนะ

Seven Days 7 วันอันตราย ขีดเส้นเป็นตาย

หนังดราม่า ระทึกขวัญ พลังหญิงที่ดูสนุกเรื่องนึงเลยนะ ไม่ต้องปูเรื่องกันเนิ่นนานก็เข้าโหมดการสืบสวนตามหาความจริงอย่างรวดเร็ว หนังมีอะไรให้คิดให้เดาสนุกตลอดเวลาไม่น่าเบื่อ หนังอาจจะเก่าหน่อยแล้วแต่ถ้าคอหนังระทึกขวัญเกาหลีคนไหนตกหล่นไปก็รีบสอยมาดูกันเลย

 ถ้าคุณเป็นคนชอบหนังระทึกขวัญ บวกกับชอบหนังสือสวนสอบสวนเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เรื่องนี้คุณก็ไม่ควรพลาดมันด้วยประการทั้งปวงครับ หนังสนุกมากครบเครื่อง ทั้งด้านความลุ้นระทึกก็ทำได้ดี ด้านความโหดก็มีไม่น้อย ไหนจะเรื่องของการว่าความสุดพลิกแพลงที่ไม่รู้เลยว่าจะออกหัวหรือออกก้อย คนร้ายเป็นใคร อะไรยังไง เป็นสิ่งที่คนดูจะติดตามตั้งแต่ต้นจนจบชนิดที่ว่าแทบไม่คาดสายตาเลยทีเดียว ใครชอบหนังสืบสวนพล็อตหักมุมไปมาก็ขอแนะนำว่าไม่ควรพลาด Seven Days ถือเป็นอีกหนึ่งหนังสืบสวนคุณภาพดีอีกเรื่องหนึ่งเลย

• Seven Days 7 วันอันตราย ขีดเส้นเป็นตาย
• ดูหนังชนโรง
• ดูหนังฟรี
• ดูหนังออนไลน์
• ดูหนังใหม่
• เว็บดูหนัง