แดง พระโขนง
วงการหนังไทยยังคงคึกคักต่อเนื่องในช่วงฤดูร้อนแบบนี้ ดูหนังตลก เพราะสุดสัปดาห์นี้ก็จะถึงคิวของอีกหนึ่งหนังผีไทยจะลงโรงฉายเป็นโปรแกรมใหม่ หนังฟรี ที่ถือว่าเป็นหนังผีที่มีแนวคิดและไอเดียที่ค่อนข้างน่าสนใจ กับการแตกหน่อตำนานเรื่องผีสุดอมตะของไทยออกเป็นอีกแขนง กับ “แดง พระโขนง” ที่ฟังดูเหมือนจะเป็นการต่อยอดจักรวาลตำนานนี้ มาพร้อมกับทีมผู้สร้างหนังตลกหน้าเดิม ๆ ดูหนังออนไลน์ ที่แน่นอนว่าจังหวะและมุกต่าง ๆ ก็สไตล์เดิม ๆ มีทั้งอารมณ์ขำขับและขยะแขยงปะปนกันไป
ครั้งนี้การดำเนินเรื่องของพวกเขา ดูหนังฟรี จะเป็นพล็อตที่แปลกใหม่ อย่างการนำเอาแนวสยองขวัญ มาผสมผสานความตลกผ่านเด็กๆในพระโขนง แต่ถ้ารวมๆแล้วก็ไม่ต่างกันกับหนังภาคต่อจากพี่มากสักเท่าไหร่ จะต่างกันแค่ “แดง พระโขนง” จะเป็นผีที่ชาวบ้านรักเอ็นดูเหมือนลูกหลาน มันเป็นแนวคิดที่ดูมีวุฒิภาวะมากอันนี้ขอชื่นชมเลย
เรื่องเล่าจากทุ่งพระโขนงที่ยังไม่เคยถูกพูดถึงกับลูกชายของนางนากอย่าง ไอ้แดง ความหลอน ความน่ากลัว และเสียงหัวเราะ กำลังจะนำมาซึ่งความประทับใจที่ยากจะลืมเลือน มิตรภาพแห่งวัยเยาว์ที่ไม่อาจมีสิ่งใดมาขวางกั้น
แดง พระโขนง เป็นเรื่องเล่าหลังจากที่ผีนางนากแห่งทุ่งพระโขนง โดนสมเด็จโตปราบและได้นำปั้นเหน่งของนางนากไปบำเพ็ญเพียรกับพระมาก ทุ่งพระโขนงจึงกลับมามีความสงบสุข 10 ปีต่อมามีผีเด็กอาละวาดทำร้ายคนในทุ่งพระโขนงอีกครั้ง ชาวบ้านหวาดผวาว่าเป็นฝีมือของ ไอ้แดง ลูกของนางนากที่สมเด็จโตไม่ได้นำร่างไปบำเพ็ญเพียรด้วย ทำให้ชาวบ้านทุ่งพระโขนงหวาดผวาและหาทางที่จะทำให้หมู่บ้านกลับมาสงบสุขให้ได้
เป็นเรื่องน่าประหลาดใจหลายประการสำหรับการรับชม ผลงานหนังยาวเรื่องแรกของ แจ็ค แฟนฉัน หรือ เฉลิมพล ทิฆัมพรธีรวงศ์ ที่จับมือกำกับร่วมกับเพื่อนอย่าง เอ็กซ์ วัชรพงษ์ ปัทมะ เรื่องนี้ ซึ่งทราบว่าเป็นพลอตที่คุยกันมานานและฟูมฟักมาพอสมควรจนได้รับโอกาสจากทาง M Pictures และ บั้งไฟ ฟิล์ม ของ หม่ำ จ๊กม๊ก หรือ เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา ที่ทั้งช่วยปั้นและช่วยร่วมแสดงในเรื่องนี้
ประการแรก จากตัวอย่างหนังเราอาจเข้าใจว่ามันเป็นหนังแบบเดียวกับ ‘พี่มากพระโขนง’ ที่ออกมาก่อนหน้านี้เป็นสยองขวัญผสมตลกผ่านสายตาของกลุ่มเด็กในพระโขนง ซึ่งก็ทำให้ดูแปลกใหม่และแตกต่างจากหนังก่อนหน้าอยู่แล้ว แต่ทว่าเอาจริงหนังเรื่องนี้ยกระดับไปเป็นอีกมโนทัศน์หนึ่งเลย มันเป็นหนังที่เหมือนภาคต่อหลังจากพี่มากซึ่งชาวบ้านมีทัศนคติต่อผีที่ดีที่ไม่เป็นภัยได้แล้ว และชาวบ้านก็อยู่ร่วมกันกับไอ้แดงเหมือนเป็นเด็กไม่มีพ่อแม่ที่ชาวบ้านพระโขนงเอ็นดูช่วยกันเลี้ยงดูอยู่ห่าง ๆ มันเป็นแนวคิดที่ดูมีวุฒิภาวะมากอันนี้ขอชื่นชมเลย
แต่หนังก็ยังเป็นหนังมันต้องมีความขัดแย้งให้เรื่องเดินได้ ดังนั้นบทจึงให้ชาวบ้านในเรื่องเลือกไม่บอกพวกลูกหลานเรื่องไอ้แดงเป็นผี เพื่อให้เด็ก ๆ ได้สนิทกันไม่ตะขิดตะขวงใจ ทำให้เกิดสถานการณ์เด็กหัวโจกเริ่มสงสัยไอ้แดงและพยายามพิสูจน์ว่าเป็นผีด้วยวิธีต่าง ๆ ที่พอได้เห็นในตัวอย่างหนังบ้างแล้ว
ประการต่อมา เราเห็นน้องเมลิค เอเฟ่ ไอย์กูน ที่มารับบท ไอ้แดง และน่าจะเห็นพ้องต้องกันว่ามีความคล้าย แน็ก ชาลี ไตรรัตน์ สมัยเล่นหนัง ‘แฟนฉัน’ ไม่น้อย ซึ่งก็ทราบว่าเป็นความตั้งใจของแจ็คจริง ๆ อันนี้ทำให้เข้าใจได้ว่าแจ็คก็อยากลองเลียนสูตรสำเร็จบางประการคือถึงพรสวรรค์ไม่สูง แต่พรแสวงและประสบการณ์ที่คลุกคลีทีมงานหนังที่ประสบความสำเร็จมานาน ก็ก่อร่างสร้างแจ็คที่มีแนวทางการทำหนังของตนเองได้
หนังที่โหมโรงโปรโมตว่าเป็นผลงานการกำกับหนังเรื่องแรกของ “แจ็ค แฟนฉัน” กับเพื่อนซี้ของเขา “เอ็กซ์-วัชรพงษ์ ปัทมะ” ที่เกิดแนวคิดดังกล่าวขึ้นมา ก่อนจะนำไปปรึกษา “หม่ำ จ๊กม๊ก” ที่ร่วมแสดงและทำหน้าที่อำนวยการสร้างหนังเรื่องนี้ให้กับ ภายใต้งานสร้างของบั้งไฟ ฟิล์ม ของเขา แต่ความเป็นจริงแล้ว แจ็คเพิ่งจะถูกแฉมาหมาด ๆ ว่า…เขาลงพื้นที่มากองถ่ายในฐานะผู้กำกับแค่เพียง 2 คิวเท่านั้นเอง
หนังมีความเป็น ‘แฟนฉัน’ ในบางแง่มุม มันพูดเรื่องมิตรภาพที่บริสุทธิ์มาก ๆ และก็แบบเด็ก ๆ อะไรที่ผิดแผกจากความปกติเล็กน้อยก็อาจขยายกลายเป็นเรื่องใหญ่ได้เหมือนแบบสมัยเด็กเพื่อนเหยียบขี้หมาก็แบบจะไล่ให้ออกจากกลุ่มไปหรืออาจล้อกันข้ามเดือน แต่นี่เพื่อนเป็นผีมันก็ยิ่งเป็นเรื่องใหญ่ แต่ในแง่มุมที่ดีคือเด็กเขาคืนดีกันง่ายและคิดไม่เยอะเท่าผู้ใหญ่ ทำให้อารมณ์ของหนังไม่หนักเกินไป ดูได้ทั้งครอบครัว
เรื่องนี้ก็มาพร้อมกับสไตล์หนังไทยดาดดื่นที่ให้ความรู้สึกฝืนที่จะกลืนลงคอ แม้ว่าจะมีไอเดียที่ค่อนข้างน่าสนใจไม่น้อย แต่การนำมาเล่าเรื่องและการกลั่นกรองออกมาเป็นบทหนังยังค่อนข้างล้มเหลว ไม่ต่างกับหนังตลกไร้สาระทีหาความบันเทิงใจเกือบจะไม่ได้เลย มุกตลกก็เต็มไปด้วยมุกโบราณที่ล้าสมัย ไม่ว่าจะเป็นมุกเหยียดผิว-เหยียดอัตลักษณ์บุคคล ที่ปัจจุบันไม่ใช่เรื่องที่ขำขัน แต่เป็นการคุกคามทางวาจาประเภทหนึ่งไปเสียแล้ว
แต่ก็มีจุดติงบ้างว่าหนังยังมีแนวคิดแบบไทยจ๋า ที่ยังเล่นตลกกับเรื่องรูปร่างหน้าตา ผิวดำ ตัวอ้วน ตาเข ยิ่งเราเพิ่งมีเรื่องภรรยาของ วิล สมิธ ในงานออสการ์มาด้วยมันก็เป็นอารมณ์แปลก ๆ ดีที่สังคมบ้านเราก็ยังชอบดูหนังที่ใช้จริตแบบนี้กันอยู่ได้ตลอด อันนี้ไม่โทษคนทำหนังด้วยเพราะยอมรับว่าคนไทยก็ยังตลกกับอะไรแบบนี้จริง ๆ แต่ก็แค่ตะหงิดไม่ถึงกับทำให้หนังดูแย่หรอกครับ แค่อยากฝากไว้ในอนาคต
วางโครงเหมือนจะเป็นหนังที่เด็กดูได้ผู้ใหญ่ดูเพลิน แต่เนื้อในของหนังที่มีภาพใส ๆ นี้นั้นยังเต็มไปด้วยมุกหยาบโลนในปริมาณหนึ่ง ที่ก็แอบรู้สึกเป็นห่วงอยู่ไม่น้อยที่ผู้ปกครองจะพาลูกหลานมาดูหนังเรื่องนี้ โดยเฉพาะมุกคำหยาบทะลึ่งต่าง ๆ ที่สามารถเลี่ยงได้ แต่หนังกลับใส่เข้ามาอย่างตรงไปตรงมา คำหยาบกลายเป็นมีชื่อที่ฟังทีไรต้องสะดุ้ง หนังที่มีเด็ก ๆ เป็นนักแสดงนำ กลับพังครื้นลงไปต่อหน้าต่อตาเพราะผู้ใหญ่พยายามยัดมุกหยาบ ๆ ให้หนังสอดแทรกไปด้วยพิษเสียอย่างนั้น
เป็นหนังผีตลกแบบไทย ๆ ที่ซ้ำซากจำเจเป็นที่สุด ไม่ต่างกับหนังเมื่อ 10-15 ปีก่อน ช่วงเวลาที่นั่งดูหนังเรื่องนี้เต็มไปด้วยความอึดอัด นอกจากจะเต็มไปด้วยมุกขำเอาใจคนเจนเอ็กซ์ไล่ขึ้นไปถึงเบบี้บูมเมอร์แล้ว การเล่าเรื่องของหนังยังค่อนข้างเลวร้าย พอ ๆ กับบทหนังที่มีแค่หยิบมือเดียว หนังเสียเวลาไปกับการเล่าเรื่องซ้ำ ๆ เดิม ๆ ฉากแล้วฉากเล่า ที่สารภาพเลยว่าก้มดูนาฬิกาตลอด และพบว่าหนังเล่าวนอยู่ในอ่างแบบนั้นครบ 1 ชั่วโมงพอดี ก่อนจะเริ่มเข้าเรื่องในช่วง 30 นาทีสุดท้าย
การเล่าเรื่องที่พยายามยัดเยียดให้เห็นถึงมิตรภาพของแก๊งเด็กทุ่งพระโขนง ให้ความรู้สึกเหมือนย้ำคิดย้ำทำ ฉากละแวกนี้คล้ายกับนั่งดูละครก่อนข่าวที่ยืดไปมาและนำไปตัดเข้าโฆษณาได้ เนื้อเรื่องแทบจะไม่เดิน เด็ก ๆ ก็ต้องมาเล่นมุกตลกที่ผู้ใหญ่ยัดเยียดให้เล่นไปตามน้ำ เป็นอะไรที่พยายามจะทำให้ตลก แต่กลับไม่ตลก เพราะมุกที่พวกเด็ก ๆ เล่นออกมานั้น คือการเหยียดมนุษย์กันเองทั้งนั้น
และหนังเรื่องนี้จึงน่าประหลาดใจที่ว่ามันมีตลกเบอร์ใหญ่มาร่วมแสดงหลายคนมาก จนเราก็เสียวว่าความอ่อนบารมีของแจ็คและเอ็กซ์จะทำให้คุมหนังไม่อยู่หรือไม่ คือถ้ามันจะเป็นหนังจั่วมุกรัว ๆ แบบ ‘โกยเถอะโยม’ ก็ไม่ผิดอะไร แต่มันก็มีให้เห็นหลายเรื่องที่มีเส้นเรื่องดราม่าแต่พอเอาตลกมาเล่นมาก ๆ ก็มักจะแป้กหรือก็ตลกกันหลงเส้นเรื่องไปเลย แต่เรื่องนี้ผู้กำกับถือว่าประคองอยู่ หนังให้อารมณ์ฟีลกู้ดแบบรสกลาง ๆ ไม่ฟินจัดแบบพวกหนัง GDH แต่ก็ไม่เบาจนไม่รู้สึก และแค่รักษาโทนนี้ได้โดยมีสารพัดตลกรุ่นใหญ่มาพร้อมปล่อยของ เท่านี้ก็รู้สึกว่าผู้กำกับทำหน้าที่ได้ดีมากแล้ว
ซาวน์ดนตรีก็เป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบที่…ทำให้รำคาญใจ เปิดฉากมาเริ่มแรกก็รู้สึกเพลินดีอยู่ เพราะหนังใช้ซาวน์ประกอบเดียวกันกับ นางนาก เวอร์ชั่นปี 2542 ที่ทำให้รู้สึกสะพรึงและขนลุกไปกับความทรงจำที่หวนคิดถึง แต่พอหนังดำเนินไปเรื่อย ๆ แบบไม่ค่อยได้เคลื่อนที่เนื้อเรื่องไปไหน ซาวน์ที่ว่าน่าหลงใหลนี้กลับเป็นสิ่งที่รู้สึกหงุดหงิดที่เดี๋ยวตัดใส่ ๆ วนไปเรื่อยอยู่ตลอดทั้งเรื่อง
ทีมนักแสดงของ ก็ถือว่ามีความหลากหลายดี แต่ไม่มีอะไรโดดเด่นเลยแม้แต่น้อย เป็นนักแสดงตลกที่หยอดเข้าไปเป็นตัวโจ๊กคนละเล็กคนละน้อย บางตัวละครใส่มาให้เต็ม บางคาแรกเตอร์ก็ไม่จำเป็นต้องมีก็ได้ แต่แคสติ้งนักแสดงเด็ก ๆ ก็ถือว่าพวกเขาทำออกมาได้ค่อนข้างน่าพอใจ แม้ว่าจะยังไม่ได้ดีเลิศอะไร แต่ก็มีศักยภาพเพียงพอที่จะช่วยกันพยุงหนังทั้งเรื่องให้ไปตลอดรอดฝั่ง ในแบบอารมณ์หวานอมขมกลืน
แต่กระนั้น ที่กระท่อนกระแท่นกับการเล่าเรื่องราวและนำเสนอไปเกือบจะทั้งเรื่อง กลับสามารถพลิกหน้ามือเป็นหลังมือได้อย่างกะทันหัน เพียงแค่ในช่วงเวลา 10 นาทีสุดท้ายของเรื่อง กับอีสเตอร์เอ้กของหนังที่กลายเป็นองค์ประกอบที่ดีที่สุดของเรื่องนี้ไปโดยปริยาย แค่ฉากเดียวสามารถพลิกสถานการณ์ให้กับ แดง ไปได้อย่างน่าเหลือเชื่อ จนต้องยอมสารภาพตรง ๆ เลยว่าเผลออุทานร้อง “ว้าวววว!” ออกมาโดยอัตโนมัติเลยทีเดียว
กลายเป็นว่าหนังที่เกือบจะพังครื้นไปกองตรงหน้า มีหน่วยกู้ชีพมาช่วยพยุงชีวิตของหนัง เอาไว้ในช่วงโค้งสุดท้ายของเรื่องนี้ แม้ว่าหนังจะค่อนข้างล้มเหลวแทบจะทุก ๆ องค์ประกอบเลยก็ตาม แต่เพราะพลานุภาพของอีสเตอร์เอ้กที่หนังได้นำมาใส่เอาไว้ในช่วงท้าย ได้ช่วยยกระดับให้กับหนังเรื่องนี้ฟื้นตัวดีขึ้นอย่างน่ามหัศจรรย์ และเป็นสิ่งที่ต้องให้ทุก ๆ คนไปพิสูจน์เอง และบอกไว้เลย
ยังมีงานภาพ ทำสีคุมโทนหนังที่ดูดี และมีฉากโชว์ซีจีบางฉากที่ดูว้าวด้วย อย่างฉากบ้านที่ค่อย ๆ เปลี่ยนไป รวมถึงพวกการแต่งหน้าผีหลายฉากก็รู้สึกทำได้ดีให้อารมณ์หนังไทยสมัยก่อนที่แต่งหน้าผีกันโหดมาก แต่ก็ต้องยอมรับว่ายังมีซีจีหลายฉากที่มันยังดูลอย ๆ อยู่บ้างเช่นพวกยืดแขนยืดขา แต่ก็ไม่ใช่จุดที่ร้ายแรงเพราะเหมือนคนทำหนังก็รู้จุดอ่อนดีและไม่ได้เอามาเป็นฉากโชว์ขนาดนั้น อย่างฉากมะนาวตกใต้ถุนที่มีในหนังตระกูลแม่นาคทุกเรื่องนี่ ถือว่าเรื่องนี้ก็เลี่ยงซีจีได้ฉลาดมากทีเดียว