
The Takeover เดอะ เทคโอเวอร์
ภาพยนตร์ ดูหนังฝรั่ง เรื่องใหม่ เกี่ยวกับแฮ็กเกอร์ซอฟต์แวร์ Mel Bandison (Holly Mae Brood) ผู้ซึ่งประสบปัญหาอย่างมากหลังจากปิดกั้นการดำเนินงานของกลุ่มอาชญากร ภาพยนตร์เรื่องนี้กำกับโดย Annemarie van de Mond และเขียนโดย หนังฟรี Hans Erik Kraan และ Tijs van Marle โดยหลักแล้ว การตวัดนี้มีให้บริการในภาษาดัตช์พร้อมคำบรรยายภาษาอังกฤษ
นักแสดงของภาพยนตร์เรื่องนี้ ดูหนังออนไลน์ ได้แก่ Holly Mae Brood ในฐานะแฮ็กเกอร์มืออาชีพ Géza Weisz เป็น Thomas, Frank Lammers เป็น Buddy, Noortje Herlaar, Lawrence Sheldon, Walid Benmbarek และ Susan Radder นอกจากนี้ยังมีเวลาทำงานหนึ่งชั่วโมงยี่สิบแปดนาที ดูหนังฟรี
หนังอาชญากรรมไซเบอร์ที่อาจจะอยู่นอกสายตาผู้ชมด้วยซ้ำ เพราะทั้งนักแสดงและโปรดักชั่นต่างไม่ค่อยเป็นที่รู้จักสักเท่าไหร่ แต่เผอิญว่า..หนังดูค่อนข้างสนุกและย่อยง่ายไม่เบาใน “The Takeover” หนังออริจินัลที่มีสัญชาติเนเธอร์แลนด์แบบ 100% แม้ว่าพล็อตเรื่องจะค่อนข้างสูตรสำเร็จ แต่เป็นสิ่งที่ซ้ำซากที่ชวนเพลินได้อยู่
หนังจากเนเธอแลนด์ ของ Netflix แนวทริลเลอร์ มีพากย์ไทย เรื่องของแฮ็กเกอร์สาวที่พยายามทวงความยุติธรรมให้สังคมโดยการเป็นไวท์แฮ็กเกอร์ (ฝ่ายดี) จนกระทั่งเจอป้ายสีโดยวิดีโอดีฟเฟคสวมรอยใบหน้าให้เธอเป็นฆาตกร จนตำรวจไล่ล่าตามจับ เธอจึงต้องตามล่าหาความจริงว่าใครเป็นคนบงการเรื่องนี้ทั้งหมด
เมล แบนดิสัน แฮ็กเกอร์ผู้มีคุณธรรมขัดขวางการละเมิดข้อมูลในรถเมล์สุดไฮเทคที่ขับเคลื่อนอัตโนมัติ เธอดันทำให้เครือข่ายอาชญากรระดับนานาชาติล่มโดยไม่ได้ตั้งใจ ชีวิตของเมลต้องพลิกผันจากหน้ามือเป็นหลังมือเมื่อเธอถูกใส่ร้ายว่าฆ่าคนทั้งที่เธอไม่ได้ทำ
เธอต้องหลบหนีจากการตามล่าของทั้งอาชญากรและตำรวจสากลในเมืองที่มีกล้องวงจรปิดทั่วทุกมุมถนน เธอจึงไปหลบซ่อนตัวอยู่กับคนที่เธอเคยนัดบอดด้วยครั้งหนึ่งอย่าง โธมัส ดีน และทำให้เขาต้องตกกระไดพลอยโจนเข้ามาพัวพันกับการไล่ล่านี้ไปด้วย เมลพยายามออกตามหาอดีตที่ปรึกษาที่ชื่อ บัดดี้ เบนซ็อต ผู้ซึ่งจะมาช่วยพิสูจน์ความบริสุทธิ์ให้กับเธอ
ภาพยนตร์เรื่องนี้เริ่มต้นด้วย Mel Bandison วัย 16 ปี ที่เจาะระบบปฏิบัติการทางทหารเพื่อป้องกันเสียงเจ็ท แฮ็กเกอร์รุ่นเยาว์ถูกจับโดยบัดดี้ ซึ่งเป็นนักเทคโนโลยีมืออาชีพอีกคน ซึ่งมองเห็นอัจฉริยะด้านการเข้ารหัสที่ยอดเยี่ยมในตัวเธอ หลายปีต่อมา เมลกลายเป็นโรบิน ฮูดออนไลน์ที่ช่ำชอง ซึ่งเปิดโปงบุคคลและองค์กรที่ทุจริตในขณะที่โอนเงินไปยังแหล่งที่มาดั้งเดิมของพวกเขา วันหนึ่งระหว่างทำงานตอนกลางวัน เธอพบจุดบกพร่องแบบสุ่มในรถบัสที่ขับเคลื่อนโดยระบบจดจำใบหน้า และบล็อกมันทันทีด้วยม้าโทรจัน เธอออกเดทกับผู้ชายที่ชื่อโทมัส โดยไม่รู้จริงๆ
เกี่ยวกับผลกระทบของการกระทำของเธอ ในที่สุด คนร้ายที่อยู่เบื้องหลังแมลงก็ทำให้เป้าหมายในชีวิตของพวกเขาคือการฆ่าและทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงของ Mel ไปตลอดชีวิตของเธอ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้แฮ็กเกอร์ต้องแข่งกับเวลาและเปิดเผยองค์ประกอบที่แท้จริงเบื้องหลังการดำเนินการทั้งหมด ตอนนี้ เมลจะประสบความสำเร็จในภารกิจของเธอหรือไม่? คำตอบนั้นค่อนข้างชัดเจนหากคุณดูหนังแนวนี้มามากพอแล้ว ในตอนแรก โครงเรื่องของภาพยนตร์ที่แฮ็กเกอร์กำลังวิ่งอยู่นี้ฟังดูเหมือนหนังระทึกขวัญการเข้ารหัสทั่วไปของคุณ โดยมีวิถีปกติของเหตุการณ์ แต่ถ้ามองให้ลึกลงไปคุณจะพบว่ามันเป็นอย่างนั้นจริงๆ มีแฮ็กเกอร์ที่มีทักษะพิเศษ ร่างที่เหมือนพ่อซึ่งชะตากรรมถูกผนึกไว้แล้ว และชายที่ไม่รู้เลยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ
หนังดัชต์ที่เราอาจจะไม่ได้คุ้นเคยสักเท่าไหร่ นี่เป็นผลงานของผู้กำกับหญิง “แอนมารี แวน เดอ มอนด์” ที่มักจะโดดเด่นกับการสร้างหนังเชิงสัมพันธ์เป็นส่วนใหญ่ แต่ครั้งนี้มาหยิบจับสร้างหนังแอคชั่นทริลเลอร์ที่มีผู้หญิงนำแสดงดูบ้าง พร้อมกับงานโปรดักชั่นที่มีความสากลดี ต้องยอมรับว่าทำออกมาค่อนข้างน่าพอใจ แม้ว่าจะอยู่ในเกณฑ์ที่ธรรมดา และไม่ได้แปลกใหม่อะไรสักเท่าไหร่เลย
เหมือนเป็นการผสมผสานหนังแนว ๆ นี้หลายเรื่องของฮอลลิวูดมายำเอาไว้ หยิบองค์ประกอบนั่นนี่มาประกอบร่างขึ้นมา กับบทหนังที่ไม่ค่อยจะหนักแน่นอะไรเลย หนังเกือบจะจืดสนิทไปแล้ว ถ้าหากไม่มีพวกฉากไล่ล่ากับลีลากลยุทธ์แบบแฮกเกอร์มาเสริม เป็นหนังที่เกือบจะมีชั้นเชิงและยังไม่คมคายสักเท่าไหร่
ยังดีที่ทิศทางการเล่าเรื่องของหนังเรื่องนี้ค่อนข้างกระชับดีอยู่ เล่าได้วับไวและเข้าประเด็นได้ไม่ยาก อาจจะเพราะหนังมีความยาวไม่ถึง 90 นาทีด้วยซ้ำ ทำให้อะไร ๆ ก็ค่อนข้างไปได้ไวว่อง แต่ก็ยังมีช่วยเอือย ๆ มาเหนี่ยวรั้งตัวหนังเอาไว้นิดหน่อย โชคดีที่จังหวะของหนังยังช่วยประคับประคองเอาไว้ได้ตลอดทางได้ด้วยดี ด้วยการแก้ไขสถานการณ์ที่พอดูได้เพลิน ๆ
ด้านการแสดงที่เราอาจจะไม่ได้คุ้นเคยกับนักแสดงชาวดัตช์เท่าไหร่ แต่ก็ถือว่าพวกเขาถ่ายทอดออกมาได้ตามมาตรฐาน ยังไม่ใช่การแสดงที่ดีแต่ก็ไม่ได้แย่อะไร “ฮอลลี่ เมย์ บรู๊ด” ที่ต้องมาแบกรับหนังทั้งเรื่องเอาไว้ แต่เธอก็เกือบจะแบกคนเดียวไม่รอด ยังดีที่มีนักแสดงสมทบคนอื่น ๆ มาช่วยไว้ ไม่ว่าจะเป็น “เคซา ไวสซ์” หรือ “ฟรังก์ ลามเมอร์ช” ที่เป็นส่วนเสริมที่ช่วยผนึกกำลังกัน
ด้านการแสดง ส่วนนี้ก็ธรรมดามากๆ เช่นกัน คนที่แสดงได้ดีที่สุดในเรื่องก็คงเป็นตัวนางเอกนี่แหละ การแสดงของเธอยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดีและพอจะแบกหนังไว้ได้ (นิดหน่อย) ส่วนนักแสดงคนอื่นๆ ในเรื่องก็แสดงได้ตามมาตรฐานทั่วไป ตัวร้ายก็ไม่มีความน่ากลัวเลย แถมตอนแพ้ก็แพ้ง่ายมากๆ เหมือนนึกจะจบก็จบ
จบแบบไม่มีอะไรให้จดจำอีกต่างหาก ส่วนสุดท้ายคือด้านงานภาพและการโปรดักชั่น ส่วนนี้ก็ยังกลางๆ เช่นกัน งานภาพถ่ายออกมาได้ธรรมดาตามมาตรฐานของหนัง Netflix เลย ไม่ได้มีอะไรโดดเด่นเป็นพิเศษ งานสร้างและการโปรดักชั่นต่างๆ ก็อยุ่ในมาตรฐานเดียวกัน สรุปโดยรวมเลยคือ เป็นหนังอีกเรื่องหนึ่งที่ค่อนข้างธรรมดาแบบสุดๆ ไม่ถึงกับสนุกแถมไม่มีอะไรน่าจดจำเท่าไหร่
ตัวหนังเป็นแนวทุนสร้างน้อยแค่ 2 แสนยูโร (ประมาณ 7 ล้านกว่าบาท) อ้างอิงจากเว็บ IMDB) แต่พยายามทำในแนวหนังแอ็กชั่นระทึก สูตรสำเร็จของฮอลลีวู๊ด ซึ่งก็เป็นการหยิบนั่นยืมนี่มาผสมกันหลายๆ เรื่องแบบที่ดูแล้วคุ้นๆ กันตลอดเรื่อง อย่างสปีดเร็วกว่านรก แต่กระนั้นก็ยังนับว่าทำออกมาได้ดีพอในแง่ของทุนสร้างอันน้อยนิด
ตัวเอกของเรื่องคือแฮ็กเกอร์ที่มีการเกริ่นนำปูประวัติสั้นๆ ตอนต้นเรื่องว่าเทพตั้งแต่เด็ก โดยมีแฮ็กเกอร์รุ่นเดอะอีกคนไปพบเจอเธอ ตัวเรื่องก็นำความสามารถของเธอให้เข้าไปพัวพันกับอันตราย มีคนมาตามล่า พยายามพึ่งตำรวจก็ล้มเหลว ก่อนที่จะร่วมมือกับทีมแฮ็กเกอร์ของเธอเองไขปริศนาว่าพวกที่มาล่าเธอคือใคร ซึ่งก็กลายเป็นตัวร้ายที่มีแผนการระดับครองโลก พร้อมกับทฤษฎีสมคบคิดว่าประเทศมหาอำนาจอยู่เบื้องหลัง
ซึ่งทุกอย่างก็เป็นไปตามสูตรเป๊ะๆ แต่ในระดับหนังทุนต่ำ บทจึงให้ทุกอย่างดำเนินไปแบบง่ายสุดๆ เน้นลงล็อคเข้าจังหวะเพื่อไปต่อเร็วๆ โดยไม่ต้องใส่รายละเอียดให้สมจริงอะไรมาก เพราะเวลาของเรื่องนี้ก็น้อยเพียงแค่ไม่ถึง 90 นาที แต่มันก็เป็นผลดีที่ทำให้ตัวเรื่องกระชับไม่เยิ่นเย้อ ถือว่าพอดูสนุกเพลินๆ กับฉากไล่ล่าหนีตายแบบวิ่งไปเรื่อยๆ โดยมีช่วงแฮ็กอะไรสั้นๆ นิดหน่อยพอให้รู้สึกว่าได้ใช้สกิลของเธออยู่บ้าง แล้วก็มีไคลแม็กซ์ของเรื่องที่ออกแนวสปีดต้องหยุดรถเมล์อัตโนมัติด้วยการแฮ็กให้ทันเวลา ซึ่งก็มีลุ้นนิดๆ พอให้ตื่นเต้นอยู่บ้าง
ตัวหนังยังพยายามเล่นกับเทคโนโลยีใหม่หลายอย่างที่กำลังเข้ามามีบทบาทใช้งานในโลกนี้วงกว้าง อย่างรถโดยสารไร้คนขับ ระบบสแกนใบหน้าและตามหาใครก็ได้ผ่านกล้องที่ติดในเมือง โปรแกรมดีปเฟคที่สร้างวิดีโอปลอมใส่ร้ายใครก็ได้ ไปจนถึงการสอดแนมล้วงข้อมูลผ่านการใช้แอปต่างๆ ที่ผู้ใช้ไม่ได้รู้ตัวหรือยินยอม ซึ่งก็ถือว่าเรื่องนำเสนอผลร้ายของเทคโนโลยีเหล่านี้เข้ามาได้ดี เพียงแต่บางอย่างก็ดูเว่อร์แบบเหลือเชื่อเกินจริงมากไปหน่อยเท่านั้น
นอกจากนี้ยังพยายามแทรกเรื่องความรักแบบเบาๆ ลงไป โดยให้นางเอกได้ไปนัดเดทผ่านออนไลน์ก่อนที่จะเจอผู้ชายไม่ตรงปกตรงสเป็ค แล้วก็ชิ่งหนีมา แต่พอเกิดเรื่องขึ้นมาเธอลองกลับไปหาเขาเพื่อขอหลบซ่อนตัว
แต่กลายเป็นว่าทั้งคู่ต้องมาร่วมผจญภัยหนีตายด้วยกัน แล้วผู้ชายที่ดูเหมือนพึ่งไม่ได้ในตอนแรกกลับกลายมาเป็นคู่หูช่วยเหลือที่ดีแบบผิดคาด เหมือนจะสอนว่าอย่าตัดสินอะไรจากหน้าตาหรือครั้งแรก ให้ดูกันลึกๆ ถึงนิสัยใจคอที่แท้จริงกันก่อน ในยามวิกฤติของเรื่องนี้ก็ทำให้นางเอกได้เปลี่ยนทัศนคติแง่ลบของตัวเองไปในที่สุด
แต่ตัวนางเอกเองคือส่วนที่ดูแล้วไม่ค่อยอินเท่าไหร่ เพราะหลายอย่างเธอก็ไม่ได้ดูเหมือนแฮ็กเกอร์ รูปร่างหน้าตาก็ไม่มีเสน่ห์ เรียกว่าผู้สร้างพยายามจะทำให้เธอดูเป็นพวกอยู่หน้าคอมแบบเนิร์ด แต่มันก็ไม่รู้สึกว่าเป็นแบบนั้นได้เลย ยิ่งการไล่ล่าหนีตายนี่หลายอย่างเธอหยั่งกะพวกฟรีรันนิ่งด้วย ยิ่งผิดจากลุคแฮ็กเกอร์เข้าไปใหญ่
แต่โดยรวมก็ถือว่าเป็นหนังทริลเลอร์เกี่ยวกับเทคโนโลยีที่พอดูเพลินๆ ได้ ไม่ได้แย่ แต่ก็ไม่ได้มีดีอะไรมากนักเช่นกัน
ถือเป็นหนังแอคชั่นโจรกรรมไซเบอร์ที่อาจจะไม่ได้ฟอร์มใหญ่เท่าไหร่ ดูจะเป็นหนังเกรดบีหน่อย ๆ ด้วยซ้ำ แต่ก็มีประเด็นที่น่าสนใจและชวนเพลินอยู่ แม้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างของหนังจะไม่มีอะไรแปลกใหม่เลย เป็นการหยิบเอาไอเดียจากหนังดัง ๆ แนวนี้มายำเป็นจานใหม่ออกมา ถึงหนังจะไม่ค่อยคมคายเท่าไหร่ บทหนังค่อนข้างเบาโหวง แต่เพราะด้วยองค์ประกอบสูตรสำเร็จเหล่านั้น ก็ยังทำให้หนังออกมาพอดูได้อยู่
ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์แนวโจรกรรมจากประเทศเนเธอร์แลนด์ ซึ่งจะพาผู้ชมไปติดตามเรื่องราวของ Mel Bandison(รับบทโดย Holly Mae Brood) เด็กสาวแฮกเกอร์อัจฉริยะ เธอและเพื่อนๆ ทีมหัวกระทิของเธอมักจะร่วมมือกันเพื่อเข้าไปแฮ็กบริษัทของพวกเหล่าคนรวยและนำเงินเหล่านั้นไปบริจาค
หรือก็คือทำเหมือนตัวเองเป็นโรบินฮู้ดในโลกสมัยใหม่ จนกระทั่งวันหนึ่งเธอได้ไปแฮ็กบริษัทข้ามชาติที่มีความลับอันดำมืด แต่หารู้ไม่ว่าบริษัทนี้แตกต่างจากบริษัททั่วไป เพราะจู่ๆ เธอก็ถูกกลุ่มชายปริศนาตามไล่ล่า แค่นั้นยังไม่พอเธอถูกประกาศจับพร้อมกับมีคลิปวิดีโอที่เธอสังหารชายคนหนึ่งเผยแพร่ไปทั่ว งานนี้เธอจึงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อเอาตัวรอดจากสถานการณ์ในครั้งนี้ไปให้ได้ ท้ายที่สุดแล้วเรื่องราวของเธอจะลงเอยอย่างไร และแท้จริงแล้วกลุ่มคนที่ไล่ล่าเธอคือใครกันแน่ ทุกคนต้องไปรับชมด้วยตาตัวเอง
ตัวหนังมันธรรมดามากๆ แบบราบและจืดชืด ทุกอย่างคือง่ายดายไปหมดและไม่มีการหักมุมหรืออะไรที่ทำให้คนดูเหวอเลย ยื่งทำให้ตัวหนังไม่มีความน่าจดจำเข้าไปใหญ่ บทเขียนมาแบบเรียบง่ายสุดๆ ความสมเหตุสมผลไม่ค่อยมีเท่าไหร่ การดำเนินเรื่องก็ทำได้ไม่ค่อยดีนัก ในช่วงแรกๆ คือปูนานพอตัวกว่าทุกอย่างจะเริ่ม แถมประเด็นหลักๆ กว่าจะให้คนดูรู้ก็คือผ่านมาเกือบครึ่งเรื่องแล้ว
ความที่บทค่อนข้างแบนราบและดำเนินเรื่องช้า ส่วนนี้อาจทำให้ใครหลายคนตัดสินใจปิดหนังไปก่อนที่จะเริ่มเรื่องเสียอีก เพราะไม่มีส่วนไหนที่น่าสนใจและน่าติดตามเลยแม้แต่น้อย จึงไม่อาจสามารถดึงคนดูเอาไว้ได้ แถมยังมีหลายอย่างที่ไม่สมเหตุสมผลจนน่าหงุดหงิด นั่นคือเรื่องของตัวละครพระเอกที่แทบไม่รู้จักนางเอกเลย
แต่ก็ดันเสนอหน้าเข้ามาช่วยแบบไม่คิดหน้าคิดหลัง ขนาดข่าวออกว่านางเอกเป็นฆาตกรพระเอกก็ยังจะเชื่อ เชื่อนี้คือเชื่อแบบ 100% เลยนะ ทั้งที่ความเป็นจริงต่อให้เชื่อก็น่าจจะมีความสงสัยบ้าง ความเวอร์อีกอันก็คือนางเอกกับพระเอกเป็นแค่คนธรรมดาแต่ดันหนีรอดทุกอย่างได้หมดแบบไม่น่าเชื่อ นอกจากนี้ยังมีอีกหลายอย่างมากที่ค่อนข้างเกินจริง