
Lou แกะรอยในความมืด
หนังทริลเลอร์เรื่องล่าสุดที่มาเงียบ ๆ ดูหนังฝรั่ง กระแสก็ค่อนข้างเงียบ แต่กลับโดดเด่นเพราะนักแสดงนำเป็นแน่แท้ เพราะเป็นการคว้าตัวนักแสดงระดับรางวัลออสการ์มาพลิกบทบาทที่นานครั้งจะได้เห็นที เรื่องนี้ก็คือ “Lou “ ที่มาพร้อมกับกลิ่นอายสูตรสำเร็จ หนังฟรี แต่มีการใส่กิมมิกและพลิกผันโครงเรื่องได้ดีไม่เบา ดูหนังออนไลน์ กลายเป็นหนังที่ดูได้เพลิน ๆ พร้อมด้วยกลิ่นอายพลังแม่
หนังแอ็กชั่นทริลเลอร์ ดูหนังฟรี Netflix มีพากย์ไทย ความยาว 1 ชั่วโมง 47 นาที เรื่องราวของ “ลู” หญิงแก่ที่ช่วยออกตามหาลูกสาวของ “ฮานนา” เพื่อนบ้านที่ถูกลักพาตัวไปกลางพายุฝนกระหน่ำบนเกาะเล็กๆ แต่กลับเป็นการเปิดเผยความลับในอดีตของเธอเอง
LOU (2022) เป็นหนังระทึกขวัญเอาชีวิตรอดใหม่ของ Netflix ที่มีแอ็คชั่น อาชญากรรม และ (แน่นอน) ละครเป็นแนวสนับสนุน เนื้อเรื่องค่อนข้างเรียบง่าย แม้ว่าจะมีเรื่องลึกลับอยู่ด้วย แต่คุณจะเห็นคลี่คลายได้ นอกจากนี้เรายังเริ่มต้นในที่เดียว ย้อนกลับไปสองสามชั่วโมง แล้วกลับไปที่จุดเริ่มต้น หากคุณกำลังดูโทรศัพท์ของคุณในขณะที่ภาพยนตร์กำลังเริ่มต้น (ซึ่งคุณไม่ควรจริงๆ!) คุณอาจสับสนเล็กน้อย ภาพยนตร์ Netflix เรื่องนี้นำแสดงโดย Allison Janney, Jurnee Smollett และ Logan Marshall-Green ในสามบทบาทนำที่สำคัญทั้งหมด
พายุลูกใหญ่กำลังโหมกระหน่ำ เด็กสาวคนหนึ่งถูกลักพาตัว แม่ของเธอโดยไม่มีทางเลือกอื่น ร่วมมือกับหญิงชราลึกลับข้างบ้านเพื่อไล่ตามผู้ลักพาตัวเดินทางสู่ถิ่นทุรกันดารที่จะทดสอบขอบเขตของพวกเขาและเปิดเผยความลับดำมืดและน่าตกใจจากอดีตของพวกเขา
เรื่องราวของลู หลังจากคิดว่าเธอได้ทิ้งอดีตที่แสนอันตรายไว้เบื้องหลังแล้ว ชีวิตที่เงียบสงบของเธอ กลับเผชิญความวุ่นวายอีกครั้ง เมื่อแม่ผู้สิ้นหวัง มาขอให้เธอช่วยลูกสาวที่ถูกลักพาตัวไป หญิงทั้ง 2 คนต้องเสี่ยงชีวิตท่ามกลางพายุลูกใหญ่ที่กำลังโหมกระหน่ำในภารกิจช่วยเหลือที่จะทดสอบขีดจำกัด และเผยความลับอันดำมืดที่น่าตกใจจากอดีตของทั้งคู่
Lou ที่ได้รับบาดเจ็บมีสุนัขของเธอ Jax อยู่เคียงข้างเธอ ก่อนหน้านี้ เมื่อเวลาประมาณ 51 นาที อย่างไรก็ตาม ลูต้องข้ามสะพานเชือกและแผ่นไม้ที่ชำรุด ข้ามหุบเขาลึกและแม่น้ำ โดยดาดฟ้าส่วนใหญ่ห้อยลงมาใกล้ 180 องศาในแนวราบ เนื่องจากไม่มีทางที่เธอจะข้ามมันไปพร้อมกับ Jax เธอจึงสั่งให้เขากลับบ้านและจากที่เขาไป
ก็อย่างที่ได้เกริ่นเอาไว้ข้างต้น เพราะหนังเรื่องนี้ได้ตัว “แอลลิสัน แจนนี่” เจ้าของรางวัลออสการ์เมื่อไม่กี่ปีก่อน มายืนหนึ่งและแบกหนังทั้งเรื่องเอาไว้ได้อย่างทรงพลัง ปกติเรามักจะเห็นเธอคนนี้สร้างสรรค์ผลงานแนวตลกหน้าตาย ที่เธอทำได้ดีเสมอมา แต่พอมาจับงานดราม่าจัดจ้านก็เป็นอีกแนวที่เธอทำได้เยี่ยม เมื่อต้องมาหยิบจับมีดและปืนดูบ้าง เป็นภาพที่เราไม่ค่อยจะได้เห็นเธอในแบบนี้สักเท่าไหร่ ก็ถือว่าเป็นความแปลกใหม่ในคาแรกเตอร์การแสดงของเธอทีเดียว
และแน่นอนว่า แอลลิสันก็ยังสามารถแบกรับหนัง Lou เรื่องนี้เอาไว้ได้อย่างหนักแน่น สไตล์การแสดงแบบน้อยแต่มากของเธอ เสน่ห์การแสดงแนวดราม่าของเธอยังโดดเด่น และการดีไซน์ตัวละครนี้ออกมาในรูปแบบที่เธอไม่ค่อยได้หยิบจับมาก่อน ก็ถือว่าเป็นการทำเซอร์ไพรส์คนดูได้อยู่ไม่น้อย ทำให้เราได้เห็นว่า…เธอก็บู๊เป็น และบู๊ได้ดีอยู่ไม่น้อยทีเดียวนะ แม้ว่าจะไม่ใช้การบู๊แบบจัดจ้านอะไร แต่เป็นการบู๊ที่ผสมผสานอินเนอร์ที่ค่อนข้างประทับใจ
ขณะที่อีกสาวที่สมทบในเรื่องนี้และก็ถือว่าเป็นส่วนที่มาช่วยเติมเต็มให้กับหนังเรื่องนี้ได้ ก็คือ “เจอร์นีย์ สมอลเล็ตต์” ที่เราสามารถไว้วางใจในการแสดงของเธอได้เลย เพราะสไตล์ดราม่านั้น ค่อนข้างจะเป็นแนวถนัดของเธออยู่แล้ว แม้ว่าบทบาทและคาแรกเตอร์นี้ของเธอจะไม่ได้มีมิติและลูกเล่นอะไรสักเท่าไหร่ เธอบทบาทที่แสนจำเจ แต่เธอก็สามารถขับอินเนอร์ของบทบาทนี้ออกมาให้ดูเข้ากับตัวเองได้เป็นอย่างดี
ผลงานการกำกับของ “แอนนา ฟอร์สเตอร์” ที่ก่อนหน้านี้เคยกำกับหนัง Underworld: Blood Wars ภาคล่าสุดที่ค่อนข้างล้มเหลวไปสักหน่อย แต่เธอก็ลับฝีมือกับการเป็นผู้กำกับทีวีซีรีส์ดัง ๆ หลายเรื่อง อีกทั้งยังเคยเป็นผู้กำกับภาพให้กับหนังหลาย ๆ เรื่องมาก่อนด้วย แม้ว่านี่จะเป็นเพียงผลงานหนังใหญ่เรื่องที่ 2 ของเธอ แต่ก็ต้องยอมรับว่าเธอสร้างสรรค์องค์ประกอบต่าง ๆ ออกมาได้ใช้ได้ทีเดียว
Allison Janney สมบูรณ์แบบในฐานะ Louฉันเป็นแฟนตัวยงของ Allison Janney (The West Wing, The Girl on the Train) ตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉันเห็นเธอในทุกเรื่อง ฉันรักสไตล์ของเธอ ดังนั้นฉันจึงมีความสุขเสมอที่จะดูทุกอย่างกับเธอในทีมนักแสดง ในภาพยนตร์ Netflix เรื่องนี้ เธอเล่นเป็นตัวละครในชื่อเรื่องของ Lou ตอนนี้ในขณะที่ Allison Janney เล่นเป็นผู้หญิงที่ดุดันและหน้าด้านในอดีต Lou ก็อยู่ที่นั่นพร้อมกับ Sarah Connor แห่ง Terminator เธอได้รับการฝึกฝนและโหดเหี้ยม และฉันรักมัน! Jurnee Smollett ยังคงสร้างความประทับใจต่อไปการแบ่งปันการเรียกเก็บเงินสูงสุดกับ Allison Janney เป็นหนึ่งในรายการโปรดที่ใหม่กว่าของฉัน: Jurnee Smollett จนถึงตอนนี้ เธอไม่ได้ทำผิดในสิ่งใดๆ ที่ฉันเคยดูเธอมา ตั้งแต่การเป็น Black Canary ใน Birds of Prey ไปจนถึงการมีบทบาทนำในซีรีส์ HBO Lovecraft Country Jurnee Smollett ก็แค่ฆ่ามัน นรก เธอทำได้ดีใน True Blood แม้ว่าฉันจะไม่ชอบโครงเรื่องนั้น
ที่เห็นโดดเด่นกว่าเรื่องไหน ๆ ก็คงจะเป็นการมุมกล้องกับมุมภาพ ที่สัมผัสได้ถึงการบรรจงดีไซน์ออกมาอย่างนุ่มนวล บรรยากาศหลัก ๆ ของหนังเป็นป่าฝ่าแปซิฟิกที่มักจะใช้แสงที่น้อย แต่เธอก็สามารถใช้องค์ประกอบธรรมชาตินี้เข้ามาผสมกับเนื้อเรื่องและปมปริศนาของหนังได้อย่างเข้ากันดี ถึงจะไม่ได้ให้ผลลัพธ์ที่หวือหวาและแปลกใหม่ใด ๆ สักเท่าไหร่ ก็ถือว่าออกมาได้น่าพอใจอยู่
ถ้าดูตัวอย่างหรือพล็อตเรื่องจะเห็นว่านี่เป็นพล็อตที่คล้ายๆ พวก จอห์นวิค อีควอไลเซอร์ โนบอดี้ คือตัวเอกต้องเป็นคนที่ดูเงียบๆ ใช้ชีวิตธรรมดาสงบๆ แต่มีเหตุให้ลุกขึ้นมาต่อสู้ช่วยคนอื่น หรือล้างแค้นอะไรสักอย่าง แล้วก็เผยว่ามีสกิลเทพ เก่งสุดๆ เป็นอดีตหน่วยอะไรก็ว่าไปบลาๆๆ ซึ่งเรื่องนี้เองก็ไม่ได้แตกต่างออกไป
แต่สิ่งที่เรื่องนี้แตกต่างฉีกออกไปได้ดีกว่าคือตัวบทมีความลุ่มลึกมากกว่า การไล่ฆ่าแก้แค้นต่อสู้กับผู้ร้าย ถึงความลับในเรื่องว่าลู หญิงปริศนาที่ใช้ชีวิตเงียบๆ ไม่ค่อยสนใจใคร กับเด็กก็ไม่อ่อนโยนไม่ดีด้วยจะไม่แปลกใหม่ คือเราเดาได้แน่ๆ ล่ะว่าต้องเคยเป็นอาชีพไหนที่เก่งมาก่อน แต่เรื่องเอาแค่พล็อตเริ่มต้นตามรอยหาเด็กมาบังหน้าเรื่องราวจริงที่ซับซ้อนและใหญ่โตกว่าที่เห็นจากตัวอย่างมาก รวมถึงเป็นการผูกเรื่องที่ทำให้บทของทุกตัวละครในเรื่องสมเหตุผลลงตัวจนกระทั่งฉากจบที่ก็ยังทิ้งท้ายปลายเปิดปริศนาตรงนี้ไว้ด้วยเช่นกัน
ฉากแอ็กชั่นในเรื่องแม้จะมีน้อยเพราะเป็นหนังทุนต่ำลง Netflix แล้วตัวบทก็วางกรอบไว้ว่าเป็นแค่ตัวละครไม่กี่ตัวมาไล่ล่ากัน แต่หนังก็ยังใช้ประโยชน์จากตรงนี้มาวางฉากต่อสู้ดิบๆ ตัวๆ ไว้ตามรายทางได้กำลังดีเลย ตัวลูเองก็สามารถใช้สิ่งของรอบตัวเครื่องใช้ในบ้านมาฆ่าผู้ร้ายได้แบบสมจริง นอกจากนั้นยังใช้ประโยชน์จากความแก่ของตัวเอกมาหลอกล่อผู้ร้ายให้ตายใจได้อีก ซึ่งทำให้เรื่องนี้แม้มันจะต้องเว่อร์ๆ อยุ่แล้ว แต่ก็มีความสมเหตุผลในตัวทำให้เราเชื่อได้ว่าหญิงแก่ขนาดนี้ต่อสู้เก่งได้ยังไง และนักแสดง Allison Janney เองก็เล่นบทนี้ได้ดีจนทำให้เราเชื่อได้ทั้งแอ็กชั่นและดราม่าหนักๆ ของเรื่องด้วย
ตัวร้ายของเรื่องเองก็ไม่ใช่ตัวละครแบบแบนราบไร้มิติ กลับกันในระหว่างเรื่องเรากลับได้เห็นโมเมนต์ความรักของพ่อที่ลักพาตัวลูกสาวไป และก็มีเรื่องหลายอย่างคั่งค้างในใจที่รอสะสางกับภรรยา ซึ่งกลายเป็นผู้ชมคงรู้สึกสงสารเห็นใจเขาอยู่ไม่น้อยเมื่อเรื่องทั้งหมดถูกเปิดเผยออกมาว่าทำไมเขาถึงต้องมาลักพาตัวลูกสาวตัวเองไปแบบนี้
นอกจากนี้ตัวละครแม่ฮานนาเองที่ดูเหมือนน่าจะเป็นบทหญิงสาวที่ดูไร้ประโยชน์แค่ติดตามหาลูกกับลูในตอนแรก บทของเธอเองก็มีความเข้มข้นขึ้นในช่วงหลังเมื่อเธอลุกกลับมาเป็นคนที่ต้องช่วยลูกด้วยตัวเอง สู้ด้วยตัวเอง ตัวบทมีความการใส่เรื่องราวความเจ็บช้ำของเธอกับสามีที่ทำร้ายร่างกายเธอจนทนไม่ไหวต้องหนีออกมาอยู่บนเกาะ โดยเป็นแค่เรื่องเล่าผ่านๆ แต่ก็สามารถนำจุดนี้กลับมาใช้เป็นประโยชน์ได้ในตอนขับคัน และมีความฉลาดเด็ดเดี่ยวมากกว่าเป็นแค่ตัวถ่วงเรื่องในตอนแรก ทำให้เห็นเลยว่าคนเขียนบทเรื่องนี้เก่งที่เฉลี่ยบทให้ทุกตัวละครมีซีนสำคัญๆ กับเรื่องได้ทุกคน
Lou เป็นฝีมือการเขียนบทหนังของ “แม็กกี้ ชอห์น “กับ “แจ็ค สแตนลีย์” ที่ทั้งคู่ถือว่ายังค่อนข้างใหม่อยู่กับงานเขียนบทหนัง บอกตรง ๆ โครงสร้างบทของหนังเรื่องนี้ค่อนข้างมีความซับซ้อนอยู่ในระดับหนึ่ง แต่ก็เลือกใช้วิธีง่าย ๆ ในการเล่าเรื่องแทน คงอยู่กับเรื่องที่เป็นปัจจุบัน มากกว่าจะจมปลักเน้นยำกับอดีต แต่ปมในอดีตของหนังเรื่องนี้ก็ค่อนข้างน่าสนใจไม่น้อย เพียงแต่หนังไม่ได้เลือกที่จะหยิบขึ้นมาขยายความอย่างใส่ใจสักเท่าไหร่
ดังนั้นจึงกลายเป็นว่า Lou กลับกลายเป็นหนังทริลเลอร์ธรรมดา ๆ ที่ดูได้เพลิน หากจะถามว่ามีอะไรให้น่าจดจำหรือไม่ ก็คงจะเป็นแค่เพียงการแสดงกับคาแรกเตอร์หลักของแอลลิสันนั่นเอง เพราะบทหนังนั้นยังไม่สามารถตีโจทย์ได้อย่างลึกซึ้งเท่าไหร่ เป็นเพียงแต่แตะต้องแบบผิวเผินในทุก ๆ ทาง แม้ว่าจะมีวัตถุดิบที่น่าหยิบมาขยายอีกเพียบก็ตาม
Lou ค่อนข้างน่าพึงพอใจ แต่ยังไม่ถึงกับประทับใจมากนัก เพราะสุดท้ายในส่วนของเนื้อหาและเรื่องราวของหนังนั้นก็ยังไม่มีอะไรเป็นที่จดจำ แต่พลังการแสดงของทีมนักแสดงของหนังเรื่องนี้ถือว่าเป็นองค์ประกอบที่ชูหนังทั้งเรื่องออกมาได้อย่างดี เอาเป็นว่าแต่ได้เปิดดูการแสดงของนักแสดงหญิงที่เปี่ยมไปด้วยศักยภาพแห่งยุคนี้…ก็ถือว่าคุ้มค่าแก่เวลาแล้ว
นี่เป็นหนังเล็กๆ ที่บทถูกเขียนออกมาดีมากจนต้องชมเลยว่าหลังๆ Netflix มีพัฒนาการในเรื่องนี้ดีขึ้นมาตามลำดับ ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นอีกตัวอย่างที่ดีจนผิดคาด และเชียร์ให้ดูห้ามพลาดเลย
หนังแอ็กชั่นทริลเลอร์เล็กๆ พล็อตแนว จอห์นวิค อีควอไลเซอร์ โนบอดี้ ที่ว่าด้วยคนธรรมดาใช้ชีวิตเงียบๆ ลุกขึ้นมาต่อสู้ได้อย่างเก่งกาจ ก่อนเผยว่าเป็นใครในอดีต แต่เรื่องนี้มีความฉีกออกในตัวบทที่ลุ่มลึกกว่า ดราม่ากว่า นักแสดงเล่นได้ดี ทุกตัวละครมีมิติความเป็นมนุษย์ มีเหตุผลการกระทำลงไป แม้แต่ตัวร้ายหลักของเรื่องก็ยังดูเทาๆ มีเหตุผลและเฉลยเรื่องราวออกมาดีจนแอบน่าเห็นใจ ฉากแอ็กชั่นของเรื่องมีไม่เยอะเพราะเป็นหนังทุนต่ำ ตัวละครน้อย ไม่ได้มีผู้ร้ายมากมายให้นางเอกฆ่า แต่ก็ใส่มาได้จังหวะลงตัวระหว่างทางกำลังดี และยังใช้ความแก่ชราของตัวละครมาหลอกล่ออีกฝ่ายให้ประมาทได้สมเหตุผลอีก ทำให้เรื่องนี้แม้จะมาแนวตัวเอกต้องเก่งเว่อร์ตามสูตร แต่ก็ดูเป็นไปได้จริงมากกว่าเรื่องอื่นๆ เป็นหนังเล็กๆ ที่บทถูกเขียนออกมาดีมากจนต้องชมเลยว่าเป็นพัฒนาการที่ดีมากของ Netflix