What's happening?

Video Sources 1707 Views Report Error

  • Lightyear (2022) บัซ ไลท์เยียร์
Lightyear (2022) บัซ ไลท์เยียร์

Lightyear (2022) บัซ ไลท์เยียร์

USAnull Min.PG-13
Your rating: 0
9 1 vote

Synopsis

Lightyear บัซ ไลท์เยียร์

ขยายจักรวาล หนังฟรี Toy Story กับการผจญภัยเรื่องเดี่ยวครั้งแรกของ  Buzz Lightyear ว่าเขามาจากไหน กับ Animation ระดับ Masterpiece ของ ดูหนังการ์ตูน Pixar นอกจากสนุกและอบอุ่น ยังชูประเด็นความเท่าเทียมและเคารพความหลากหลายทางเพศ

หลายคนน่าจะโตมากับ Toy Story และตุ๊กตา บัซ ไลท์เยียร์ ที่เป็นขวัญใจเด็ก ๆ ทั้งในจอและนอกจอ ในวันนี้ หนังแอนิเมชันเรื่อง ดูหนังออนไลน์ “Lightyear บัซ ไลท์เยียร์” ได้เข้าฉายแล้วในภาพยนตร์ ดูหนังฟรี เราก็ได้ไปดูมาแล้วฮะ ถือว่าอยู่ในระดับที่โอเค พอมองเป็นภาพรวม ส่วนตัวอาจจะไม่ได้เป็นหนังที่ชอบมากมาย แต่มันจะมีประเด็นบางอย่างและบางซีนในหนังที่ก็รู้สึกว่ามันทำได้ดีและน่าประทับใจ โดย ‘Lightyear’ เป็นหนังภาคแยกของตัวละคร บัซ ไลท์เยียร์ จากแอนิเมชันToy Story โดยบัซ ไลท์เยียร์ เป็นของเล่นที่มาจากหนังเรื่องโปรดของแอนดี้ (ซึ่งเป็นตัวละครเด็กดีใน Toy Story) โดยหนังเรื่องโปรดของแอนดี้เรื่องนั้นก็คือ Lightyear ซึ่งก็เป็นเสมือนทั้งจุดต้นกำเนิดของของเล่นและเป็นจุดกำเนิดของความสนุกสนานของวัยเด็กอย่างเรา ๆ ด้วยเช่นกันที่หลายคนน่าจะเติบโตมา

Lightyear บัซ ไลท์เยียร์

Buzz Lightyear เป็นตัวละครที่เรารู้จักกันมาอย่างยาวนาน เขาปรากฏตัวครั้งแรกจากภาพยนตร์เรื่อง ‘Toy Story (1995)’ ในฐานะตุ๊กตา Space Ranger ของ แอนดี เดวิส (Andy Davis) หลังจากหนังฉาย Buzz Lightyear ก็เข้าไปครองใจผู้ชมจนกลายเป็นหนึ่งในไอคอนนิกของ Pixar ไปเรียบร้อย

เป็นเวลากว่า 20 ปีแล้ว ที่คนดูได้รู้จักกับ บัซ ไลท์เยียร์ ผ่านวันเวลาอันแสนสนุก ระทึกขวัญและเสียน้ำตา จนเขากลายมาเป็นหนึ่งในความทรงจำอันล้ำค่าของใครหลายคน และแล้วตอนนี้ก็ถึงเวลาที่ Space Ranger ผู้นี้จะกลับมาโลดแล่นเพื่อสร้างตำนานใหม่อีกครั้ง

Lightyear คือภาพยนตร์ที่อยู่ในจักรวาล Toy Story โดยเจ้าตุ๊กตา บัซ  ของแอนดีก็เป็นของเล่น ที่สร้างมาจากหนังเรื่อง Lightyear นี้อีกที ดังนั้นแล้ว ก่อนจะไปดู Lightyear ก็ขอให้ทุกคนลืมทุกสิ่งที่คุณรู้จักเกี่ยวกับ บัซ  ไปซะและมาทำความรู้จักกับอีกหนึ่งเรื่องราวนี้กัน

เรื่องย่อของเรื่องนี้ เริ่มต้นขึ้นเมื่อนักบินอวกาศ บัซ  ได้ทำภารกิจผิดพลาด จนทำให้เขาและทีมถูกปล่อยทิ้งไว้บนดาวเคราะห์รกร้าง ไลท์เยียร์นั้นรู้สึกว่าเป็นความผิดของเขาที่ทำให้ทุกคนต้องติดอยู่ที่นี่ เขารู้สึกว่าตนเองต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ ไลท์เยียร์จึงออกเสาะแสวงหาวิธีกลับบ้าน ด้วยวิธีการที่ไม่มีใครกล้าและบ้าเท่าเขาอีกแล้ว

Lightyear บัซ ไลท์เยียร์

ต้องบอกว่า Lightyear คือหนังที่มีความเป็นไซไฟสูงมาก ตลอดทั้งเรื่องอุดมไปด้วยกฎฟิสิกส์ การข้ามเวลา และพหุจักรวาลเต็มไปหมด แต่หนังก็ไม่ได้ใจร้ายกับคนดูขนาดนั้น เพราะมันยังมอบความบันเทิงให้คนดูได้สนุกกับการผจญภัยของเหล่า Space Ranger ในเรื่อง อีกทั้งหนังยังมี ‘หัวใจ’ อยู่เต็มเปี่ยม ที่ช่วยให้คนดูรู้สึกอิ่มเอมกับเรื่องราวนี้ไปจนจบ

แม้ผู้กำกับ แองกัส แมคเลน (Angus MacLane) จะเคยกำกับหนังสั้น Toy Story อยู่บ้าง แต่นี่ถือเป็นอีกครั้งที่เขาต้องมาจับตัวละครที่ Spin-Off ออกมาจาก  Toy Story และการตีความ บัซ ไลท์เยียร์ ในฉบับนี้ก็ถือเป็นโจทย์ที่ท้าทายแมคเลนอย่างมาก เพราะเขาต้องพาตัวละครนี้ไปในทิศทางที่สดใหม่แต่ต้องไม่ทำลายความทรงจำเดิมของแฟน ๆ ด้วย

ก็ถือว่าแมคเลนสอบผ่าน! เพราะ บัซ ไลท์เยียร์ ในฉบับนี้ฉีกออกจากฉบับเดิมได้อย่างดีเยี่ยม แต่ก็ยังมีกลิ่นอายของ Space Ranger ที่เรารักอยู่ ซึ่ง บัซ ไลท์เยียร์ ฉบับใหม่เท่ชนิดว่าหากเราเป็นเจ้าหนูแอนดีแล้ว ดูจบคงอยากได้ของเล่นชิ้นนี้อย่างแน่นอน

ในด้านของเนื้อเรื่องนั้น แอนิเมชันของ Pixar ยังคงเป็นหนังสูตรสำเร็จอยู่เช่นเดิม เพราะมีทั้งพาร์ตที่ตัวละครหลักต้องเจ็บปวด จนต้องเรียนรู้จากตัวละครอื่น มีซีนเรียกน้ำตาที่ดึงอารมณ์จากผู้ชม และการก้าวข้ามผ่านตัวตนของตัวเอกที่จะพาไปสู่ตอนจบที่งดงาม แต่แม้จะดูเป็นสูตรสำเร็จจ๋า หนังเรื่องนี้ก็ไม่ได้น่าเบื่อหรอกนะ เพราะ Lightyear ยังอัดแน่นไปด้วยความน่าตื่นตาของโลกไซไฟที่ผสมผสานการผจญภัย จนทำให้เรารู้สึกสนุกตามไปจนจบเลยล่ะ

Lightyear บัซ ไลท์เยียร์

หากใครดูในระบบเสียงต้นฉบับก็จะรู้ได้เลยว่าตัวละคร บัซ ไลท์เยียร์ ที่พากย์โดยพ่อกัปตันอเมริกาอย่าง คริส อีแวนส์ (Chris Evans) นั้นถือว่าเหมาะเอามาก ๆ เพราะด้วยกลิ่นอายความเป็นผู้ชายหลงยุคและทหารกล้า ก็ทำให้เราอดคิดถึงกัปตันอเมริกาที่เขาเคยเล่นไม่ได้ ซึ่งอีแวนส์ก็ตีความตัวละคร บัซ ไลท์เยียร์ ให้ออกมามีความรั่วและฮา ชนิดว่าถอดมาจากนิสัยของอีแวนส์ด้วยเลย

ด้านตัวละครสมทบอย่าง อิซซี, โม, ดาร์บี นั้นก็ช่วยเรียกเสียงฮาได้ดี  พวกเขาเป็นตัวแทนของคนธรรมดาที่ใช้ความกล้าเพื่อลุกขึ้นมาทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ แม้จะมีบางช่วงที่รู้สึกว่าพวกเขาน่ารำคาญอยู่บ้าง แต่เหมือนหนังก็กลัวคนดูคิดแบบนั้นจึงไม่ให้แอร์ไทม์มากมาย และเน้นหนักไปที่ไลท์เยียร์และอีกหนึ่งตัวละครแย่งสุดแย่งซีนแทน

และใช่แล้วตัวละครสุดแย่งซีนที่จะไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือเจ้าเหมียว ซ็อกส์ (Sox) หุ่นยนต์แมวสุดฉลาด น่ารักน่าเอ็นดู ที่โผล่มาเพื่อช่วยผ่อนคลายอารมณ์ของเนื้อหาอันหนักหน่วงให้เบาลง ซึ่งผู้เขียนก็เชื่อเหลือเกินว่า เมื่อดูจบคนดูจะหลงรักเจ้าซ็อกส์อย่างแน่นอน

แม้จะเขียนมาถึงขนาดนี้แล้ว แต่เอาเข้าจริงผู้เขียนยังไม่ได้พูดถึงเนื้อเรื่องหลักของหนังเลยนะ ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นไม่กี่เรื่องที่พูดถึงเนื้อหาหลักไม่ได้มาก เพราะมันจะเป็นการสปอยล์จุดสำคัญไปด้วย แต่อย่างไรก็ตามขอกระซิบว่าคอหนังไซไฟต้องชอบเรื่องนี้อย่างแน่นอน เพราะมันมีทุกสิ่งที่คุณอยากเห็นเลยล่ะ

เป็นภาพยนตร์ป๊อปคอร์นชั้นดีที่อุดมไปด้วยแก่นของไซไฟและการผจญภัย หนังยังเปี่ยมไปด้วยหัวใจของแอนิเมชัน Pixar ที่ทำให้คนดูต้องหัวเราะ ร้องไห้ และหลงรักเรื่องนี้ไปตาม ๆ กัน มันคือตำนานบทใหม่ที่ไม่ทำลายภาพจำในวัยเด็กของเราและยังทำให้ ของบัซ ไลท์เยียร์ ที่เรารู้จักดูเท่ขึ้นไปอีก โดยหนังเรื่องนี้เป็นอีกหนึ่งคู่มือชั้นดีที่บอกเราว่า การทำหนัง Spin-Off ที่ดีและมีหัวจิตหัวใจต้องเป็นอย่างไร

Lightyear บัซ ไลท์เยียร์

ชอบครึ่งแรกของหนังมาก เป็นแนวทางที่ไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนัก ทั้งเรื่องราวสุดทะเยอทะยานในโทนหนังไซไฟผจญภัยที่สามารถตรึงคนดูให้สนุกเพลิดเพลิน ประเด็นเรื่องของความผิดพลาด ความสูญเสีย และความสัมพันธ์เพื่อนร่วมงาน ก็สามารถสอดรับกับหนังได้ลงตัวและพร้อมจะทำให้น้ำตาซึมในครึ่งแรก เอาจริงดูแล้วก็ได้กลิ่นอายของหนังหลายเรื่อง เช่น Top Gun: Maverick, The Mitchells vs the Machines, Interstellar และ Star Trek เป็นต้น ออกจะบี ยอนด์ สมชื่อสู่ความเวิ้งว้างอันไก ล้โพ้น โดยเฉพาะกับครึ่งหลังที่ไปในทางนี้ที่คาดไม่ถึง ขณะเดียวกันมันก็ผสมผสานกับอารมณ์ขัน มีความตลกอบอุ่นใจ มีตัวละครที่โดดเด่นและแย่งซีน เช่น ซ็อกส์ และป้าในแก๊ง เป็นต้น ที่สร้างสีสันกับหนังได้อย่างดี

แอบเสียดายครึ่งหลังที่พอหนังปูเรื่องราวจนเข้าที่เข้าทาง หนังก็เข้าตามสูตรหนังของพิกซาร์แบบไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่มาก ทั้งความสนุก เหตุผลหนังที่ยังคงหลวม ๆ แต่มีจุดโหวตามรายทาง อีกทั้งครึ่งหลัง หนังก็ค่อนข้างเดินเรื่องไว อัดแน่นไปด้วยซีนแอ็กชันจนไม่ได้มีเวลาใส่ใจตัวละครบางตัว ซึ่งเราว่าถ้ามันน่าสำรวจไปได้ไกลกว่านี้ หนังก็น่าจะออกมามีมิติที่น่าสนใจกว่า ภารกิจที่ทำให้ตัวละครก้าวผ่านทั้งปมในใจและอุปสรรคข้างหน้าก็ออกจะพื้น ๆ ไม่ได้สนุกน่าลุ้นมากมาย หนังเลยออกมาค่อนข้างขายความเป็นเด็กมากไปจนแอบจืดไปหน่อย

ที่น่าประทับใจที่พอกลบข้อเสียของหนังไปได้คือประเด็นหนังในครึ่งแรกที่ชวนตั้งคำถามได้อย่างน่าสะเทือนและถึงอารมณ์ ถึงเรื่องของความเสียสละ ความสูญเสีย ความเย่อหยิ่งและทะเยอทะยาน ความโดดเดี่ยวอ้างว้างที่เต็มด้วยความสิ้นหวัง จากภารกิจที่บัซกำลังทำว่ามันคุ้มค่ากับความสูญเสียที่แลกไปแล้วหรือไม่ ซึ่งความสัมพันธ์ของบัซและอลิชา แม้จะปูเรื่องมาไม่มาก แต่สามารถทำให้คนดูประทับใจได้อย่างดี

งานภาพ วิชวลเอฟเฟค ซีจีใด ๆ ก็ไม่ต้องพูดถึงเลยฮะ ยังคงทำออกมาได้ดีงามสมกับหนังแอนิเมชันฟอร์มยักษ์ประจำปีนี้ แม้จะมีข้อเสียที่เรื่องราวหาทางลงง่ายตามสูตรไปในช่วงหลัง แต่หนังก็สามารถดูได้เพลิดเพลินน่าติดตามไปจนจบ พร้อมทั้งมันก็พาหวนสู่วัยเด็กให้กลับมาโลดแล่นอีกครั้งเช่นกัน

Original title Lightyear (2022) บัซ ไลท์เยียร์
IMDb Rating 7.359 487 votes
TMDb Rating 219 471 votes

Director

Director

Cast

Similar titles

The Smurfs เดอะ สเมิร์ฟ
Harry Potter and the Prisoner of Azkaban (2004) แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับนักโทษแห่งอัซคาบัน ภาค 3
GODZILLA PART 3 The Planet Eater ก็อตซิลล่า 3 จอมเขมือบโลก
Black Butler (2014) พ่อบ้านปีศาจ
The Last Runway หน่วยกล้าล่าทรชน
Acts Of Vengeance ฝังแค้นพยัคฆ์ระห่ำ
Sammy’s Adventures 2 แซมมี่ 2 ต.เต่า ซ่าส์ไม่มีเบรก
The Promise คนม้าบิน
Spider-Man: No Way Home
The Kings Daughter (2022)
The Blade (1995) เดชไอ้ด้วน
THE SON OF BIGFOOT บิ๊กฟุต ภารกิจเซฟพ่อ

Leave a comment